อดีต ผวจ.สงขลา เผยปัญหาโพงพาง ผิด กม.จ่ายเยียวยาไม่ได้

หมวดหมู่ : สงขลา,

อ่าน : 295
อดีต ผวจ.สงขลา เผยปัญหาโพงพาง ผิด กม.จ่ายเยียวยาไม่ได้
อดีต ผวจ.สงขลา เผยปัญหาโพงพาง ผิด กม.จ่ายเยียวยาไม่ได้

สงขลา-“ธำรงค์”อดีต ผวจ.สงขลา เผยปัญหาโพงพางสงขลา เคยแก้ไขมาแล้วเมื่อ 9 ปีที่ผ่านมา หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ปล่อยให้สร้างกันมา ปัญหาคงไม่ตกกับคนสงขลา มาถึงยุคนี้เป็นเรื่องผิดกฎหมาย จ่ายเยียวยาไม่ได้

จากกรณีชาวประมงโพงพาง บ้านหัวเขา อ.สิงหนคร จ.สงขลา ออกมาประท้วงผิดเส้นทางแพขนานยนต์สงขลาเพื่อเรียกร้องให้จังหวัดแก้ปัญหาที่จะให้รื้อถอนโพงพางออก โดยเรียกร้องค่าชดเชยและส่งตัวแทนเข้าประชุมกับผวจ.สงขลา
โดยให้ที่การตั้งตัวแทนร่วมหาแนวทางแก้ปัญหา เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีนั้น

เกี่ยวกับปัญหาดังกล่าว เมื่อวันที่ 28 พ.ค. เวลา 08.30 น.นายธำรงค์ เจริญกุล อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาที่เคยแก้ปัญหานี้มาแล้ว เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า สมัยตนเองเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ได้รื้อถอนโพงพาง และจ่ายชดเชยเฉพาะที่อยู่กลางร่องน้ำจริงๆเท่านั้น มิใช่จ่ายทุกช่องโพงพางในรัศมี  300 เมตร เพียงแต่รื้อถอนและจ่ายช่องโพงพางที่ปักกลางร่องน้ำต้องการให้เรือวิ่งสวนทางไปมาได้สะดวก มิได้ทำการรื้อถอนทุกช่องโพงพางที่อยู่ในรัศมี 300เมตรแต่ประการใดจ่ายเพียง 32ช่อง เท่านั้น และไซนั่งตามจำนวนที่ได้รับบริจาค

กรณีที่ผู้ประกอบการทำโพงพางอ้างว่าเขายังไม่รับเงินค่าเยียวยา เพราะโพงพางของเขายังไม่ได้รื้อถอน สำหรับโพงพางที่รื้อถอนคือแถวที่ปักโพงพางยื่นเข้าในร่องน้ำมาก เวลาเรือวิ่งต้องวิ่งอ้อม(ตีโค้ง).ผมรื้อถอน.เฉพาะแถวบางแถว.รื้อถอดออก 2 ช่อง.หรือ1 ช่อง.เท่านั้น.เพื่อเปิดร่องน้ำ.ให้เป็นแนวตรง ให้เรือวิ่งสวนไปมาได้สะดวก ไม่อันตราย มิได้ทำการรื้อถอนโพงพางหมดทุกช่องในรัศมี 300 เมตรแต่อย่างใด สรุปว่าได้ทำการรื้อถอนโพงพางที่กีดขวางการเดินเรือจริงๆเท่านั้น จำนวน 30 ช่อง.และ 2 ช่อง ที่กีดขวางแพขนานยนต์เข้าออกฝั่งหัวเขาแดง 2 ช่องรวมรื้อถอนและจ่ายค่าเยียวให้เพียง 32 ช่อง

“มิใช่ต้องจ่ายให้ทุกช่องในร่องน้ำรัศมี 300 เมตร ตามจำนวนที่ประมงสำรวจ มันคนละเรื่องและจ่ายค่าเยียวยา ค่ารื้อถอนไซนั่งในร่องน้ำจากท่าประมงใหม่ถึงสะพานติณสูลานนท์จำนวน 124 ช่อง อีกด้วย ประมงเพิ่งมาทำการสำรวจๆในเร็วๆนี้เอง คนละเวลาผมดำเนินการรื้อถอนโพงพาง และเยียวยา เมื่อปี พ.ศ 2558”นายธำรงค์ กล่าว

นายธำรงค์กล่าวว่า หากจ่ายตามที่ประมงทำการสำรวจโพงพางในร่องน้ำ รัศมีกว้างจากฝั่งตลิ่งเขตอำเภอเมืองสงขลา กว้าง  300 เมตรจำนวนโพงพาง 158 ช่อง ต้องจ่ายเงิน 71 ล้านบาทเพียงแถวละ 1-2 ช่อง เพียงแถวละ 1-2ช่องเนื่องจากเขาปักโพงพางยื่นเข้ามาในร่องน้ำ แบบสลับแต่ละแถวชนิดฟันปลา เรือต้องวิ่งอ้อมชนิดชิกแซก ตนรื้อโพงพางออกแถวละ 1-2 ช่องเท่านั้นเพื่อให้เรือวิ่งตรงๆ โดยรื้อถอนโพงพาง ที่กีดขวางเรือในร่องน้ำจริงๆจำนวน 30 ช่อง และอีก2ช่องๆที่กีดขวางแพขนานยนต์วิ่งเข้าออก

ส่วนที่ชาวประมงฝั่งหัวเขาแดง บางกลุ่มบอกว่าเขายังไม่รับเงิน ใช่สิโพงพางที่ยังไม่ได้รื้อถอนก็ไม่จ่ายเยียวให้สิสมัยตนทำการรื้อถอนโพงพางไซนั่ง พ.ร.ก.ประมง. และคำสั่ง.คสช. ยังไม่มี หากทำการรื้อถอนโดยพละการ เป็นการทำลายทรัพย์สินเสียหาย จึงจำเป็นต้องใช้หลักรัฐศาสตร์ต้องจ่ายเงินเยียวยาให้ ต่อมามีคำสั่ง คสช.บังคับใช้ เครื่องมือประมงที่ผิดกฏหมาย ผู้ใดฝ่าฝืน มีโทษปรับ ตั้งแต่ 100,000-900,000บาท และโทษจำคุก 10 ปี และมีพ.ร.ก.ประมง บังคับใช้แล้วต้องปฏิบัติตามกฏหมาย จะจ่ายเงินเยียวยาไม่ได้อีกแล้ว ตนมีบัญชีรายชื่อ ผู้ที่ทำการรื้อถอนโพงพางและไซนั่งครบทุกราย มีการเซ็นรับเงิน เป็นหลักฐานเหตุการณ์เรื่องนี้เกิดมาตั้งแต่ พ.ศ.2558 ภาคเอกชนและกลุ่มบุคคต่างๆที่รักทะเลสาบสงขลา ได้ร่วมบริจาคเงินจำนวน 11 ล้านบาท เพื่อใช้ในการเยี่ยวยา เมื่อได้เงินมาจำนวนดังกล่าว ตนก็ดำเนินการจ่ายเงินไป จำนวน 11 ล้านบาทครบถ้วนไม่มีตกหล่น

นายธำรงค์ กล่าวอีกว่า การดำเนินการในครั้งนั้น แล้วเสร็จภายใน 15 วัน เพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนในการเดินเรือมานาน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากพ่อค้านักธุรกิจให้การช่วยเหลือเป็นเงินทั้งสิ้้น 11 ล้านบาท และตนได้จ่ายขณะดำเนินการให้ทุกราย และได้ให้ผู้รับเงินลงชื่อไว้เป็นหลักฐาน  เรื่องนี้หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หลังจากที่ตนเคลียร์ร่องน้ำเสร็จแล้ว และชาวบ้านก็รับเงินไปแล้วไม่มาปักโพงพาง และไซนั่งอีก ก็ไม่เป็นปัญหามาถึงวันนี้.


อ่านข่าวที่เกี่ยงข้อง :