คณะพูดคุยเพื่อสันติสุข จชต. เผยความคืบหน้าเจรจา 2 ฝ่ายเห็นด้วยลดความรุนแรง

หมวดหมู่ : ภูเก็ต, ทั่วไป,

อ่าน : 644
การพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ ชายหาดโรงแรมเลอเมอร์ลิเดียน ภูเก็ต บีชรีสอร์ท
คณะพูดคุยเพื่อสันติสุข จชต. เผยความคืบหน้าเจรจา 2 ฝ่ายเห็นด้วยลดความรุนแรง

ภูเก็ต-คณะพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนใต้ แถลงผลความคืบหน้าการพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ หลังจากได้เดินทางไปพูดคุยกับผู้เห็นต่างจากรัฐแบบเต็มคณะ ครั้งที่ 3 ที่ประเทศมาเลเซีย ทั้ง 2 ฝ่ายมุ่งหวังลดความรุนแรงและเกิดความสงบสุขในพื้นที่


เมื่อวันนี้ 15 ม.ค.2565  ที่บริเวณชายหาดโรงแรมเลอเมอร์ลิเดียน ภูเก็ต บีชรีสอร์ท อ.เมือง จ.ภูเก็ต พลเอกวัลลภ รักเสนาะ หัวหน้าคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนใต้ พร้อมด้วยพลโทเกรียงไกร ศรีรักษ์  แม่ทัพภาค 4 และคณะ ร่วมกันแถลงผลความคืบหน้าการพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ ภายหลังจากได้เดินทางไปพูดคุยกับผู้เห็นต่างจากรัฐแบบเต็มคณะ ครั้งที่ 3 ระหว่างวันที่ 10-13 มกราคม 2565  ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย  เพื่อสื่อสารข้อมูลที่ถูกต้องกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง 


พลเอกวัลลภ รักเสนาะ หัวหน้าคณะฯ กล่าวว่า จากการเดินทางไปพูดคุย ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย กับฝ่ายของ BRN นำโดยอุสตาส อานัส อับดุลเราะห์มาน  และมีผู้อำนวยความสะดวก คือ ตันซรี อับดุล ราฮิม บินโมฮัมหมัด นอร์ นอกจากนี้ยังมีผู้เชี่ยวชาญ 2 คน ร่วมสังเกตการณ์ด้วย ซึ่งบรรยากาศการพูดคุยเป็นไปด้วยดีทั้ง 2 ฝ่าย มีท่าทีที่มีมิตรไมตรีต่อกัน ซึ่งในห้วงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ผ่านมา ทำให้ประสบปัญหาในเรื่องของการเดินทางข้ามพรมแดน และการประชุมหารือกันชะงักหรือชะลอไป แต่ด้วยความมุ่งมั่นของทั้งสองฝ่ายรวมถึงผู้อำนวยความสะดวก ที่ต้องการเห็นการพูดคุยมีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง ได้พยายามสานต่อกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุข เพื่อนำไปสู่ความสงบสุขในจังหวัดชายแดนภาคใต้ตามความคาดหวังของประชาชน  ทั้งการพูดคุยผ่านออนไลน์ และช่องทางต่างๆ จนสามารถผลักดันให้เกิดการพูดคุยได้จริง เมื่อวันที่ 11-12 มกราคม 2565 ที่ผ่านมา


สำหรับผลสรุปในการหารือกันนั้น ทั้งสองฝ่ายได้พูดคุยและถกแถลงหลักการที่จะยึดถือในการพูดคุยสารัตถะในระยะต่อไป มีด้วยกัน 3 เรื่องหลัก คือ ทั้งสองฝ่ายได้มีการพูดคุยหารือและเห็นพ้องกันในเรื่องของหลักการทั่วไปของกรอบประเด็นสารัตถะ ได้แก่ การลดความรุนแรง การปรึกษาหารือกับประชาชนในพื้นที่ และการแสวงหาทางออกทางการเมือง ซึ่งเป็นไปตามเจตนารมณ์และความต้องการของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ โดยอยากเห็นความสงบสุขในพื้นที่ การใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุขในพื้นที่ และการเข้ามามีส่วนร่วมของภาคประชาชน รวมทั้งอยากเห็นการแก้ไขปัญหาที่รากเหง้าของปัญหา อันจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาที่ยั่งยืนอย่างสันติสุขอย่างถาวรต่อไป ซึ่งถือเป็นมุดหมายที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการก้าวข้ามในเรื่องของงานธุรการต่างๆ และการบริหารจัดการต่างๆ ก้าวข้ามไปสู่การเริ่มต้นของกระบวนการพูดคุยในประเด็นสารัตถะในระยะต่อไป


ประเด็นถัดมาคือ ทั้งสองฝ่ายได้เสนอการจัดตั้งกลไกเพื่อมาขับเคลื่อนสำหรับการพูดคุยสารัตถะทั้ง 3 เรื่อง โดยมีการพิจารณาที่จะจัดตั้งบุคคลผู้ประสานงาน และคณะทำงานร่วมของทั้งสองฝ่ายในแต่ละเรื่องคือ การลดความรุนแรงและการเข้ามาปรึกษาหารือในพื้นที่ ซึ่งรายละเอียดและความซับซ้อนของปัญหามีไม่มาก ส่วนประเด็นในการแสวงหาทางออกทางการเมืองนั้น เนื่องจากมีความสลับซับซ้อนและมีความละเอียดของปัญหาค่อนข้างมาก ในการดำเนินการนั้นจะจัดตั้งในลักษณะจอยส์สตาร์ทตี้กรุ๊ป เพื่อศึกษารายละเอียดและความเหมาะสมและหนทางที่เป็นไปได้ 


การจัดตั้งจอยส์สตาร์ทตี้กรุ๊ปนั้นจะมีลักษณะกึ่งทางการ มีการพบปะหารือได้โดยตรงต่อกัน ทั้งนี้เพื่อกำจัดจุดอ่อนในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 เนื่องจากการประชุมอย่างเป็นทางการทำได้ค่อนข้างยาก เพื่อผลักดันให้การพูดคุยประเด็นสารัตถะเป็นไปอย่างต่อเนื่อง คล่องตัว และเกิดผลสำเร็จเป็นรูปธรรม


ส่วนประเด็นที่ 3 ซึ่งทางฝ่ายไทยหยิบยกขึ้นมา คือทั้งสองฝ่ายพยายามลดกิจกรรมในเรื่องของความรุนแรงลงโดยต่างฝ่ายต่างคนต่างทำตามความสมัครใจ เนื่องจากต้องการสร้างสภาพแวดล้อมที่เกื้อกูลต่อการพูดคุยในครั้งต่อไป รวมทั้งต้องการให้ประชาชนในพื้นที่ได้ตระหนักถึงประโยชน์ของการพูดคุยที่ทำให้เกิดความสงบเรียบร้อยในพื้นที่จึงหยิบยกเรื่องนี้ขึ้น ซึ่งทั้งคณะพูดคุยและกองทัพภาคที่ 4 ได้มีการเตรียมการไว้บางส่วนแล้ว


สำหรับการพูดคุยกันในครั้งต่อไป ซึ่งได้มีการหารือกันในที่ประชุม คาดว่าจะมีการประชุมกัน 2-3 ครั้งต่อครั้งทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์โควิด-19  ซึ่งทางคณะพูดคุยได้ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลในการขับเคลื่อนผลักดันให้กระบวนการพูดคุย เป็นหนทางในการสร้างสันติสุขในพื้นที่ได้อย่างยั่งยืนต่อไป  และคำนึงถึงการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ทั้งกลุ่มผู้เห็นต่างที่นอกเหนือจากกระบวนการ  BRN และภาคส่วนของประชาชนในพื้นที่ เพราะเราต้องการความร่วมมือจากทุกภาคส่วนมาแสวงหาทางออกร่วมกันต่อไป.






อ่านข่าวที่เกี่ยงข้อง :