ค้าชายแดนไทย-มาเลย์กระเตื้อง ยกเลิกTest&Go ปลุกฟื้นเศรษฐกิจ

หมวดหมู่ : เศรษฐกิจ, สงขลา, ทั่วไป,

อ่าน : 767
ปลดล็อคมาตรการ Test & Go อุตสาหกรรมท่องเที่ยวภาคใต้ การค้าขายชายแดนไทย-มาเลเซีย
ค้าชายแดนไทย-มาเลย์กระเตื้อง  ยกเลิกTest&Go ปลุกฟื้นเศรษฐกิจ

ปลดล็อคมาตรการ Test & Go ช่วยเพิ่มโอกาสให้กับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวภาคใต้ และการค้าขายชายแดนไทย-มาเลเซียกระเตื้อง  แต่ยังไม่เต็มร้อยด้วยปัจจัยนักท่องเที่ยวจีนยังไม่กลับมา ขณะที่สงครามยูเครน-รัสเซียยังคงยืดเยื้อ ประธานสภาอุตสาหกรรมภาคใต้เรียกร้องรัฐบาลเจรจาจีนผลักดันส่งออกผลไม้ไทยหลังกระทบหนักจากปัญหาโควิด ขณะที่สำนักเศรษฐกิจการคลัง เปิดรายงานดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาคขยับดีขึ้น โดยเฉพาะภาคใต้นำโด่ง


​นายกิจก้อง ตันติจรัสวโรดม ประธานสภาอุตสาหกรรมภาคใต้ เปิดเผยว่า การยกเลิก Test & Go ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2565 นั้น จะเพิ่มโอกาสให้กับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวฟื้นตัว แต่ก็ยังไม่กลับมาที่ฐานเดิมก่อนเกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 คาดจะกลับมาเพียง40% ดังนั้นรัฐบาลต้องช่วยภาคเอกชนโดยเปิดตลาดในประเทศตะวันออกกลาง อินเดีย แทนตลาดจีน  ส่วนตลาดยุโรปนั้นนักท่องเที่ยวไม่น่าจะมีมากนัก เนื่องจากปัญหาความขัดแย้งระหว่างยูเครนและรัสเซีย น่าจะมีกระทบให้นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ลดลง


​"หลังยกเลิกมาตรการTest & Go  ต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง ในรอบเดือนพ.ค.คงมีไม่มาก ต้องรอดูเดือนมิ.ย.ถึงจะมีความชัดเจน  แต่ถึงนักท่องเที่ยวกลับมาก็คงไม่สามารถกลับไปเหมือนในช่วงก่อนโควิด-19 เพราะจีนยังล็อกดาวน์อยู่ ปีนี้น่าจะหมดหวัง ต้องมาลุ้นกันปี 2566 "นายกิจก้องกล่าว


​นายกิจก้องกล่าวว่าในส่วนของภาคอุตสาหกรรมอื่น นั้นขณะนี้ยังมีการสวิงสูงมาก  ซึ่งเป็นผลกระทบราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น และความขัดแย้งระหว่างยูเครน-รัสเซีย ส่งผลให้ต้นทุนวัตถุดิบปรับเพิ่มขึ้นทุกตัว  และยังมีปัญหาเรื่องเงินเฟ้อที่มองว่าอยู่4-5% แต่จริงแล้วน่าจะถึง10%  ทำให้การวางตัวเลขค่อยข้างลำบาก ยอมรับถ้าแบกรักไม่ไหวก็ต้องผลักไปให้ผู้บริโภค  สิ่งที่น่าเป็นห่วงขณะนี้คือกลุ่มผุ้ประกอบการขนาดกลางและย่อม หรือ เอสเอ็มอี แทนที่จะฟื้นตัวแต่กลับโดยเรื่องของทุนทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นทุกตัวซ้ำเติม


​"ต้องยอมรับว่าการในช่วงที่เกิดการะราดของโควิด-19 ได้ใช้กระสุนนัดสุดท้ายไปกันหมดแล้วแม้การท่องเที่ยวจะฟื้นแต่ก็ไม่มาก  เมื่อมาโดนต้นทุนที่เพิ่มขึ้นทั้งน้ำมัน วัตถุดิบเท่ากับซ้ำเติม ทุกอุตสาหกรรมกระทบหมดถ้ารอบนี้ไม่รอดก็ปิดตัวรัฐต้องเข้ามาช่วย โดยเฉพาะหนี้เอ็นพีแอล ซึ่งมาตรการที่รัฐช่วยเหลือครั้งก่อนจะหมดอายุในกลางปีนี้ ถ้าไม่ยืดต่อก็แย่แน่  แต่ถ้ายืดออกไปก็ต้องดูด้วยว่าสถาบันการเงินจะกระทบหรือไม่ ดังนั้น กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเศไทย หรือธปท.และรัฐบาลต้องเร่งหามาตรการใหม่ๆเข้ามาช่วยเหลือ "  นายกิจก้องกล่าว


​นายกิจก้องกล่าวถึงการค้าชายแดนภาคใต้ว่า การค้าชายแดนระหว่างไทย-มาเลเซียนั้่นขณะนี้เริ่มขยับตัวแต่ที่ลำบากคือการส่งออกไปจีน  โดยเฉพาะกลุ่มผลไม้ การส่งออกลดลงเนื่องจากมาตรการโควิด-19เป็นศูนย์นั้นทำให้มีการตรวจอย่างเข้มงวด  และพร้อมที่จะยกเลิกการนำเข้าทันที ซึ่งที่ผ่านมานั้น การส่งออกทุนเรียนไปจีนจะอยู่ที่800-1,000 ตู้คอนเทรนเนอร์ต่อวัน แต่ขณะนี้เหลือเพียง200-300 ตู้ต่อวันเท่านั้น  หากรัฐบาลจะช่วยเหลือชาวสวนก็ต่องไปคุยกับจีนในเรื่องนี้


​ก่อนหน้านี้ นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อานวยการสานักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง นายวุฒิพงศ์ จิตตั้งสกุล ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะรองโฆษกกระทรวงการคลัง และนายพิสิทธิ์ พัวพันธ์ ผู้อานวยการสานักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาคประจำเดือนเมษายน 2565 จากการประมวลผลข้อมูลการสารวจภาวะเศรษฐกิจรายจังหวัดจากสำนักงานคลังจังหวัด 76 จังหวัดทั่วประเทศ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เพื่อจัดทำดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค พบว่า “ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค เดือนเมษายน 2565 สะท้อนความเชื่อมั่นในภาวะเศรษฐกิจภูมิภาคที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าในหลายภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคใต้ และภาคตะวันออก ซึ่งเป็นผลจากนโยบายเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติของรัฐบาล และยอดคำสั่งซื้อสินค้าอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง”


​ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภาคใต้อยู่ที่ระดับ 72.6 ปรับเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าแสดงถึง ความเชื่อมั่นเศรษฐกิจในอนาคตที่เพิ่มขึ้น โดยเป็นความเชื่อมั่นที่ดีขึ้นในภาคอุตสาหกรรม เนื่องจากยอดคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าที่ผลิตจากยางพารา อีกทั้งยังมีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจภาคบริการในอนาคตที่ดีขึ้น เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวในประเทศและต่างประเทศเพิ่มขึ้น จากโครงการเราเที่ยวด้วยกัน และการปรับเปลี่ยนมาตรการในการเข้าประเทศสาหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ


​ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภาคตะวันออกอยู่ที่ระดับ 67.7 สะท้อนถึง ความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจที่ดีขึ้นโดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรม เนื่องจากยอดคำสั่งซื้อจากคู่ค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และในภาคบริการ เนื่องจากภาครัฐมีการปรับเปลี่ยนมาตรการในการเข้าประเทศสาหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ


​ ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจของภาคตะวันออกเฉียงเหนืออยู่ที่ระดับ 65.2 สะท้อนถึงความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจที่ดีขึ้นโดยเฉพาะในภาคบริการ เนื่องจากโครงการเราเที่ยวด้วยกัน และโครงการทัวร์เที่ยวไทย ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น และในภาคเกษตร ที่เข้าสู่ฤดูกาลเพาะปลูกพืชเศรษฐกิจที่สาคัญ เช่น ข้าวและอ้อย เป็นต้น


​ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจของภาคเหนืออยู่ที่ระดับ 63.6 แสดงถึงความเชื่อมั่นเศรษฐกิจในอนาคตที่ดีขึ้น โดยเป็นความเชื่อมั่นที่ดีขึ้นในภาคบริการ เนื่องจากการปรับเปลี่ยนมาตรการในการเข้าประเทศสาหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น สาหรับในภาคการลงทุน ผู้ประกอบการธุรกิจภาคบริการเริ่มขยาย การลงทุนเพิ่มขึ้นจากสถานการณ์ด้านการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มดีขึ้น


​ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจของภาคกลางปรับเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 61.3 สะท้อนถึงความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจที่ดีขึ้นในภาคเกษตร เนื่องจากเข้าสู่ฤดูกาลเก็บเกี่ยวพืชเศรษฐกิจที่สาคัญ เช่น ข้าวและข้าวโพด เป็นต้น สาหรับภาคการลงทุน ผู้ประกอบการในพื้นที่มีความเชื่อมั่น ในการลงทุนเพิ่มขึ้น เนื่องจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ในพื้นที่มีแนวโน้มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง


​ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภาคตะวันตกอยู่ที่ระดับ 61.0 สะท้อนถึงความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจ ที่ดีขึ้นในภาคเกษตร เนื่องจากมีปริมาณน้าเพียงพอต่อการเพาะปลูก ประกอบกับสภาพภูมิอากาศที่เอื้ออำนวยต่อการเกษตร และในภาคอุตสาหกรรม จากความต้องการสินค้าอุตสาหกรรมของประชาชนในพื้นที่เพิ่มขึ้น


​สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจของ กทม. และปริมณฑลอยู่ที่ระดับ 55.5 สะท้อนถึงความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ในภาคอุตสาหกรรม เนื่องจากมียอดคำสั่งซื้อสินค้าจากคู่ค้าต่างประเทศเพิ่มขึ้น และในภาคบริการ เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวในประเทศที่เพิ่มขึ้น จากโครงการเราเที่ยวด้วยกัน


อ่านข่าวที่เกี่ยงข้อง :