ชี้เด็กไทยเข้าถึงบุหรี่ง่าย ลอบซื้อแบ่งขายเป็นมวน

        ผศ.ดร.จักรพันธ์ เพ็ชรภูมิ อาจารย์คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร กล่าวถึง ผลการวิจัย ‘ปัจจัยพหุระดับที่มีอิทธิพลต่อการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ยาสูบของเด็กไทย’ ปี 2562 โดยกลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนมัธยมศึกษา 3,600 คน ครู 360 คน 120 โรงเรียน และผู้ประกอบการร้านค้า 1,200 คน จาก 4 ภูมิภาคของประเทศไทย ซึ่งพบว่า เด็กไทย 20% สูบบุหรี่ โดยส่วนใหญ่ 55% สูบบุหรี่ซอง รองลงมา 18% สูบยาเส้นและบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งซื้อบุหรี่จากร้านขายของชำและร้านสะดวกซื้อ 64% และซื้อบุหรี่แบ่งขายเป็นมวนถึง 2 ใน 3 ในขณะที่บางส่วนได้บุหรี่มาจากการขอซื้อหรือขอจากเพื่อน 31% ซึ่งปัจจัยทำให้เด็กสูบบุหรี่คือ มีทัศนคติที่ดีต่อการสูบบุหรี่ และสูบบุหรี่ตามพฤติกรรมของกลุ่มเพื่อน ส่วนปัจจัยที่ทำให้เยาวชนไม่เลือกสูบบุหรี่คือ รู้ทันกลยุทธ์บริษัทบุหรี่ รู้ความเสี่ยงความรุนแรงของโรคต่างๆ จากการสูบบุหรี่ และได้รับแรงสนับสนุนทางสังคมจากผู้ปกครอง ครู การดำเนินงานชุมชนปลอดบุหรี่ 

        ศ.นพ.รณชัย คงสกนธ์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) กล่าวว่า มีความเป็นห่วงเด็กไทยอย่างมากที่ยังสามารถเข้าถึงบุหรี่ได้ง่าย ดังนั้นจึงเสนอให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องเร่งรัดบังคับใช้กฎหมาย ตามพระราชบัญญัติควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ.2560 อย่างเข้มงวด เช่น ห้ามขายยาสูบให้บุคคลอายุต่ำกว่า 20 ปี ห้ามแบ่งซองบุหรี่ขายเป็นมวน ห้ามโฆษณาบุหรี่ ณ จุดขาย ห้ามขาย และโฆษณาบุหรี่ในสื่ออิเล็กทรอนิกส์ /เครือข่ายคอมพิวเตอร์ และสนับสนุนให้กระทรวงพาณิชย์ห้ามนำเข้า ห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้าต่อไป พร้อมๆ กับเร่งพัฒนามาตรการควบคุมและป้องกันการเข้าถึงบุหรี่ซองและบุหรี่ไฟฟ้าของเด็กและเยาวชน โดยเน้นการมีส่วนร่วมของภาครัฐ ผู้ปกครอง ครู ชุมชน ทั้งนี้ 9 มกราคม ‘วันเด็กแห่งชาติ’ ขอให้ภาครัฐตระหนักถึงปัญหาการสูบบุหรี่ของเด็กซึ่งเป็นอนาคตของประเทศไทยอย่างจริงจัง.

ผศ.ดร.จักรพันธ์ เพ็ชรภูมิ

ศ.นพ.รณชัย คงสกนธ์