ซีพีเอฟ กำไร 9 เดือน ปีนี้ 19,614 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36% จากปีก่อน
หมวดหมู่ : เศรษฐกิจ, ทั่วไป, กรุงเทพฯ,
โฟสเมื่อ : 12 พ.ย. 2563, 21:22 น. อ่าน : 1,572 บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน)
หรือ ซีพีเอฟ รายงานกำไรประจำไตรมาส 3/2563 จำนวน 7,475 ล้านบาท เติบโต 23%
จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และกำไรสำหรับ 9 เดือนปี 2563 จำนวน 19,614 ล้านบาท เติบโต 36%
จากระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่ายและค่าใช้จ่ายภาษีและค่าเสื่อมราคา (EBITDA)
จำนวน 61,658 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 87% จากปีก่อน ซึ่งเป็น EBITDA
ที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์
ปัจจัยหลักมาจากภาวะขาดแคลนสุกรในภูมิภาคจากการระบาดของโรค ASF (African
Swine Fever) ที่ส่งผลให้ราคาตลาดอยู่ในระดับที่สูงกว่าปีก่อน
ประกอบกับความสามารถในการทำกำไรของธุรกิจสัตว์น้ำในประเทศไทยดีขึ้นต่อเนื่องจากการปรับกลยุทธ์ทางการตลาดและการปรับรูปแบบการดำเนินธุรกิจ
นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ
ประธานคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ กล่าวถึง ผลการดำเนินงานของซีพีเอฟที่ดีขึ้น
ปัจจัยหลักมาจากการขาดแคลนสุกรในภูมิภาคเอเซีย เนื่องจากการระบาดของโรค ASF
ที่ทำให้ปริมาณสุกรลดลงอย่างมาก
โดยเฉพาะในประเทศเวียดนามและประเทศจีน ทำให้ระดับราคาสุกรปรับตัวสูงขึ้นจากปีก่อนอย่างผิดปกติ
พร้อมทั้งส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างอุตสาหกรรมการเลี้ยงสุกร
จากการที่ยังไม่มีวัคซีนในการป้องกันการระบาด
ผู้เลี้ยงจึงต้องบริหารจัดการฟาร์มอย่างเคร่งครัดตามมาตรฐานชีวภาพเพื่อป้องกันโรค
และมีลูกสุกรที่มีความแข็งแรงต้านทานโรคได้ ดังนั้น
การเพิ่มปริมาณสุกรเข้าสู่ตลาดน่าจะยังต้องใช้เวลาเพราะหากการจัดการไม่ดีอาจก่อให้เกิดโรคอีกได้
นอกจากธุรกิจสุกรแล้ว
ผลการดำเนินงานของธุรกิจสัตว์น้ำในประเทศไทยก็มีความสามารถในการทำกำไรที่ดีขึ้นอย่างก้าวกระโดดจากปีก่อน
จากการที่บริษัทปรับรูปแบบและกลยุทธ์ในการทำธุรกิจที่ให้น้ำหนักกับการทำการตลาดภายในประเทศมากขึ้น
มองว่าธุรกิจสัตว์น้ำในประเทศไทยและในต่างประเทศจะมีผลการดำเนินงานที่ดีต่อเนื่องจากนี้ไป
นายประสิทธิ์ กล่าวเพิ่มเติมสำหรับเป้าหมายปีหน้าว่า
บริษัทตั้งเป้าหมายมีกำไรที่ดีต่อเนื่อง
จากการขยายธุรกิจและการเพิ่มปริมาณการผลิตในหลายประเทศ
โดยคาดว่าราคาสุกรในปีหน้าน่าจะอ่อนตัวลงจากปีนี้แต่คงอยู่ในระดับที่สูง รวมทั้ง
บริษัทจะมีการรับรู้กำไรเพิ่มขึ้นจากธุรกิจสุกรในประเทศจีนที่ผู้ถือหุ้นรายย่อยได้อนุมัติให้เข้าทำรายการเมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
จึงมั่นใจว่าในปีหน้าจะยังคงมีผลการดำเนินงานที่ดี.