ซีพีเอฟ ส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนตลอดห่วงโซ่ผลิตอาหาร คว้า 3 รางวัล Thailand Energy Award 2023
หมวดหมู่ : ภาพข่าวสังคม, ทั่วไป, กรุงเทพฯ,
โฟสเมื่อ : 31 ธ.ค. 2566, 15:38 น. อ่าน : 414 กรุงเทพฯ -
บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ
โชว์ความก้าวหน้ากระบวนการผลิตอาหารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
เดินหน้าเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียนตลอดห่วงโซ่ผลิตอาหาร การันตีรับ 3
รางวัล Thailand Energy Award 2023 รางวัลดีเด่น
ด้านพลังงานทดแทน โดยกระทรวงพลังงาน จาก
“โครงการก๊าซชีวภาพจากมูลไก่สู่พลังงานทดแทน” ของ ฟาร์มคอมเพล็กซ์ไก่ไข่จะนะ
จ.สงขลา และ ฟาร์มคอมเพล็กซ์ไก่ไข่วังทอง
จ.พิษณุโลก และ “โครงการพลังงานสะอาดจากระบบบำบัดน้ำเสีย”
ของ โรงงานแปรรูปเนื้อไก่ จ.นครราชสีมา ตอกย้ำความมุ่งมั่นผลิตอาหารคุณภาพ
มีคุณค่าโภชนาการ ช่วยลดการสูญเสียจากกระบวนการผลิตและนำกลับมาใช้ประโยชน์
ตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม โดยมี นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ
ปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นประธานในพิธีมอบรางวัล Thailand Energy Award 2023 สุดยอดพลังงานไทยระดับสากล ณ โรงแรมรามาการ์เด้นส์ กรุงเทพฯ
นายสมคิด วรรณลุกขี
ผู้อำนวยการใหญ่ ธุรกิจไก่ไข่ ซีพีเอฟ กล่าวว่า บริษัทฯ
มุ่งมั่นนำเทคโนโลยีทันสมัยและสร้างสรรค์นวัตกรรมในการผลิตอาหารปลอดภัย
มีการบริหารจัดการทรัพยากรได้อย่างคุ้มค่าตลอดห่วงโซ่การผลิต
รวมทั้งส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน ร่วมดูแลชุมชนรอบข้าง
บรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ฟาร์มคอมเพล็กซ์ไก่ไข่จะนะ
และฟาร์มคอมเพล็กซ์ไก่ไข่วังทอง
เป็นต้นแบบฟาร์มไก่ไข่ที่ดำเนินโครงการก๊าซชีวภาพจากมูลไก่สู่พลังงานทดแทน
โดยนำมูลไก่มาหมักในระบบได้ก๊าซเพื่อมาใช้ปั่นกระแสไฟฟ้าสำหรับใช้ในฟาร์ม สามารถทดแทนไฟฟ้าจากสายส่ง
ขณะเดียวกัน ช่วยป้องกันกลิ่นและไม่ปล่อยน้ำเสียออกสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ นอกจากนี้
ฟาร์มยังนำกากของเหลือที่เกิดจากการหมักใช้เป็นปุ๋ยปรับปรุงคุณภาพดินให้ดีขึ้น
และแบ่งปันให้กับเกษตรกรที่อยู่รอบๆ ฟาร์มอีกด้วย
“การที่ฟาร์มคอมเพล็กซ์ไก่ไข่ทั้งสองแห่งที่ได้รับรางวัลดังกล่าว
เป็นการยืนยันถึงกระบวนการผลิตไข่ไก่มีการบริหารจัดการด้านพลังงานและมูลสัตว์จากฟาร์มได้อย่างมีประสิทธิภาพและครบวงจร
ลดการพึ่งพาพลังงานจากภายนอก และซีพีเอฟกำลังพัฒนาฟาร์มไก่ไข่เป็น
ฟาร์มที่ใช้พลังงานหมุนเวียน 100% (RE100
Layer Farm) นับเป็นการส่งเสริมผู้บริโภคได้มีส่วนร่วมลดโลกร้อน”
นายสมคิด กล่าว
ปัจจุบัน
ฟาร์มคอมเพล็กซ์ไก่ไข่จะนะ และวังทอง
มีการติดตั้งระบบผลิตก๊าซชีวภาพจากมูลไก่และน้ำเสียแบบบ่อหมักไร้อากาศ (Anaerobic
Covered Lagoon) เปลี่ยนมูลไก่เป็นพลังงานไฟฟ้าใช้ในการดำเนินงานภายในฟาร์มได้ประมาณร้อยละ
70-80 ของการใช้พลังงานในฟาร์มทั้งหมด ช่วยลดค่าใช้จ่ายการซื้อไฟฟ้าจากภายนอกได้
โดยผลดำเนินงานโครงการก๊าซชีวภาพของฟาร์ม 2
แห่งสามารถผลิตเป็นพลังงานไฟฟ้ารวมปีละกว่า 10 ล้านกิโลวัตต์ต่อชั่วโมง
เทียบเท่าการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 4,725 ตันคาร์บอนไดออกไซด์
ด้าน นายปิโยรส ธรรมจารึก ผู้อำนวยการ ธุรกิจไก่เนื้อ 1 ซีพีเอฟ กล่าวว่า โรงงานแปรรูปเนื้อไก่ จ.นครราชสีมา ให้ความสำคัญการพัฒนากระบวนการผลิตและเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการพลังงาน และส่งเสริมการนำของเสียมาใช้ประโยชน์ (Waste to Value) ตามหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียน เพื่อลดของเสียและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก สำหรับ “โครงการพลังงานสะอาดจากระบบบำบัดน้ำเสีย” โรงงานนำน้ำเสียจากกระบวนการแปรรูปเนื้อไก่ซึ่งประกอบด้วยไขมันจากสัตว์ จึงได้นำระบบไบโอแก๊สขั้นสูง (Continuous Stirred Tank Reactor: CSTR) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีบำบัดน้ำเสียที่สามารถจัดการไขมันที่มีอยู่ในน้ำเสียได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยเปลี่ยนน้ำเสียเป็นก๊าซชีวภาพและนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงในหม้อต้มไอน้ำสามารถทดแทนน้ำมันเตาได้ 610,170 ลิตรต่อปี ช่วยลดค่าใช้จ่ายพลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิล และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 2,482 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า
นอกจากนี้ โรงงานแปรรูปเนื้อไก่ นครราชสีมา มีการติดตั้งแผงพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนอาคารโรงงาน (โซลาร์รูฟท็อป) เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า ลดการใช้ไฟฟ้าจากสายส่ง และในปี 2567 เตรียมติดตั้ง “โซลาร์ลอยน้ำ” (Floating Solar Farm) ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของซีพีเอฟเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทนในห่วงโซ่การผลิตอาหาร เพื่อโลกที่น่าอยู่ในระยะยาว.