ด่านสะเดายังไม่คึกคักคนเข้าน้อย ปัญหาช้าจาก “ไทยแลนด์พาส”

รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา นำคณะเปิดด่านสะเดา อ.สะเดา จ.สงขลา แห่งใหม่ หลังมาเลเซียเปิดด่าน พบปัญหาหลังเปิดด่านสะเดา 9 วัน นักท่องเที่ยวไม่เข้าไทยตามเป้าที่คาดไว้ เนื่องจากติดปัญหามาตรการป้องกันโควิด-19 เตรียมเสนอยกเลิก”ไทยแลนด์พาส” พื้นที่ชายแดน ให้ตรวจเอทีเคแทน พร้อมเสนอวันเดย์ทริปนำร่อง 

นายพิพัฒน์  รัชกิจประการ รัฐมนตรีการท่องเที่ยวและกีฬา และคณะเดินทางมาที่ด่านสะเดาแห่งใหม่ ที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษบ้านด่านนอก อ.สะเดา จ.สงขลา เพื่อมารับข้อมูลการเปิดด่านรับนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ โดยมีนายเจษฏา จิตรัตน์ ผวจ.สงขลา นพ.ปพน ดีไชยเศรษฐ์ รอง สธ.สงขลา นายรัชดา จิวาลัย กงสุลใหญ่ ณ รัฐปีนัง นายคณิต มีปิด นายอำเภอสะเดา พ.ต.อ.ณรงค์ชนะภัยกุล ผกก.ตม.จว.สงขลา นายราเชนทร์ แตงอ่อน หัวหน้ากลุ่มด่านควบคุมโรค สงขลา พร้อมด้วยห้วหน้าส่วนราชการ และภาคเอกชน มาร่วมฝและรับฟังปัญหาที่เกิดระหว่างเปิดด่านสะเดา ตั้งแต่วันที่ 1-9 เมษายน 65 พบว่านักท่องเที่ยวเข้ามายังประเทศไทยไม่ถึง 200 คน และคนไทยเดินทางไปประเทศมาเลเซียมากกว่า 500 คน ต่ำกว่าเป้าหมายมาก รวมทั้งด่านวังประจัน จ.สตูล ไม่าตอบโจทย์การเปิดประเทศรองรับการท่องเทียว

พ.ต.อ.ณรงค์ ชนะภัยกุล  ผกก.ตม.จว.สงขลา รายงานว่าวันที่ 1 -6 เม.ย. มีคนเข้ามา ในประเทศ 281 คน  เป็นชาวมาเลย์ 180 คน เป็นคนไทย 101 คน มีคนออกไปประเทศมาเลเซีย 589 คน เป็นคนไทย411 คน  คนมาเลเซีย 178 คน ซึ่งขณะนี้พบว่ามีนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียรวมทั้งชาวไทยที่เดินทางไปมาเลเซียยังไม่เข้าใจเรื่องการลงทะเบียนในระบบThailand pass และ My Sajahtera ระบบเทศ แอนด์โก เป็นระบบที่เหมาะกับการเดินทางเครื่องบิน และเหมาะกับนักธุรกิจที่มีกิจการในเมืองไทย แต่ไม่เหมาะกับนักท่องเที่ยวชายแดน ที่มาแบบระยะสั้น  

หลังจากรับฟังปัญหา รัฐมนตรีการท่องเที่ยวได้ชี้แจง ว่าจะนำเสนอข้อคิดเห็นในการยกเลิกการลงทะเบียนไทยแลนด์พาส รวมทั้งการตรวจ อาร์ที-พีซีอาร์ การปรับเงินค่าประกันภัยโควิด เปลี่ยนมาใช้วัคซีนเทรเวลเลน หรือพาสปอร์ตวัคซีน และการตรวจเชื้อแบบเอทีเค รวมทั้งการเสนอให้ประชาชนคนไทยในพื้นที่ชายแดนและคนมาเลเซียสามารถเดินทางเข้าออกภายในวันเดียว หรือวันเดย์ทริป เพื่อการค้าและการท่องเทียวชายแดน เนื่องจากระบบเดิมไม่สามารถตอบโจทย์การท่องเที่ยวได้ ผู้ประกอบการในพื้นที่ชายแดนยังไม่สามารถเปิดกิจการได้ 

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ  กล่าวว่า วันนี้ได้มาหารือกันเรื่องด่านสะเดา มองถึงความสะดวกความคล่องตัวนักท่องเที่ยวเข้ามาน้อย เมื่อเทียบกับอดีตนักท่องเที่ยวเข้าวันละ 5 พันคน กำลังหาวิธีที่จะให้นักท่องเที่ยวเข้ามาให้มากขึ้น ปัญหาติดที่เรื่องการลงทะเบียนไทยแลนด์พาส การตรวจหาเชื้อโควิด แบบอาร์ที-พีซีอาร์ และค่าประกัน  ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี ให้มีการยกเลิกการตรวจแบบอาร์ที-พีซีอาร์ มาตรวจเอทีเคแทน   และการลดค่าประกันโควิด พร้อมจะมีการประชุมกันอีกครั้งในวันที่ 22 เม.ย.นี้ ว่าหลังสงกรานต์จะแรงกระเพื่อมของโรคในเทศกาลสงกรานต์มากน้อยแค่ ไหน 

”กระทรวงการท่องเที่ยวและการกีฬา พร้อมเสนอ ให้วันที่ 1 พค.นี้จะให้มีการยกเลิกการตรวจ อาร์ที -พีซีอาร์มาเป็นเอทีเค แทน เพื่อลดค่าใช้จ่ายให้นักท่องเที่ยว รวมทั้งการใช้ระบบวัคซีนเทรเวลเลน นักท่องเที่ยวฉีกวัคซีนครบ3 เข็มไม่ต้องซื้อประกันโควิด  และให้หัวหน้าส่วนราชการนำเรื่องรายงานไปยังต้นสังกัดว่าที่ประชุมต้องการใช้มาตรการแบบนี้ รวมถึงผู้ว่าราชการสงขลารายงานไปยัง รมว.กระทรวงมหาดไทยด้วย ว่าคนในพื้นที่ต้องการแบบนี้บางจังหวัดประกาศโควิดเป็นประจำถิ่นไปแล้ว เป็นนโยบายของแต่ละจังหวัด” นายพิพัฒน์กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า นโยบายการประกาศโควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่นช้าไปหรือไม่ ในฐานะความเห็นของรมว. นายพิพัฒน์ตอบว่า ไม่มองว่าช้าหรือเร็ว ปัญหาติดอยู่ที่วันสงกรานต์ จะมีการเดินทางมาก ขอดูผลที่ออกมาก่อนอาจเป็นคลัสเตอร์ใหญ่  เราเปิดประเทศก่อนใคร เราออกสตาร์ก่อน แต่เราถึงเส้นชัยทีหลัง ซึ่งตนมองว่า เราขอถึงเส้นชัยด้วยชัวร์ ดีกว่าสะดุดตัวเองทีหลัง ก็ต้องคำนึงคนไทยทั้งประเทศ ถ้าเราเป็นขั้นเป็นตอนทุกคนก็สบายใจ คำนึงถึงระบบสารสุขว่าเรารับได้แค่ไหน ให้ไปตามสเต็ป.