ตร.นำโชเฟอร์ทำแผนฯ อุ้มศพกิ๊กช็อคตายไปทิ้ง ก่อนปลดทรัพย์

หมวดหมู่ : นครศรีธรรมราช, ทั่วไป,

อ่าน : 763
ฆ่าชิงทรัพย์ โชเฟอร์สองแถว
ตร.นำโชเฟอร์ทำแผนฯ อุ้มศพกิ๊กช็อคตายไปทิ้ง ก่อนปลดทรัพย์

นครศรีธรรมราช-ตำรวจท่าศาลาคุมโชเฟอร์สองแถว ไปทำแผนแอบพลอดรักกิ๊กสาวใหญ่เกิดช็อคหัวใจวายตายคาบ้านเช่าที่อยู่ติดกัน ก่อนหามศพใส่ท้ายรถเก๋งไปทิ้งในคูน้ำ แล้วปลดทรัพย์ผู้ตายมีทองรูปพรรณหนัก 5 บาท ดำเนินคดีตามหมายจับ 




กรณีคดี น.ส.วันดี  ชำนาญพงศ์ อายุ 52 ปี สาวใหญ่ชาว อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นเมียของช่างก่อสร้างวัย 69 ปี คนหนึ่งในพื้นที่ อ.ท่าศาลา นอนคว่ำหน้าตายพองอืดปริศนาอยู่ในคูน้ำข้างท่อระบายน้ำริมถนนทางเข้าหาดทรายแก้ว หมู่ 2 ต.ท่าขึ้น อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช เมื่อเที่ยง วันที่ 2 มิ.ย.2564 ที่ผ่านมาจากการชันสูตรพลิกศพตเบื้องต้นของตำรวจ สภ.ท่าศาลา และแพทย์เวร รพ.ท่าศาลา ระบุว่าสภาพศพพองอืดมาแล้ว 2-3วัน ลิ้นจุกปาก แต่แปลกไม่พบบาดแผลหรือร่องรอยถูกทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด ก่อนเจ้าหน้าที่นำศพ นส.วันดี ส่ง รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช เพื่อให้แพทย์นิติเวชทำการผ่าศพหาสาเหตุการตายอย่างละเอียดอีกครั้งนั้น ซึ่งแพทย์นิติเวช รพ.มหาราชฯได้ระบุศพหลังผ่าชันสูตรไม่พบร่องรอยถูกทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด ท่ามกลางความกังขาของญาติ


จากการสืบสวนของตำรวจได้หลักฐาน และขอนุมัติหมายผู้ต้องหา และมื่อวันที่ 5 มิ.ย.2564 ศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชได้อนุมัติออกหมายจับที่ 170/2564 ลงวันที่ 5 มิ.ย.64 จับคนร้ายในคดีนี้คือนายวิเชียรหรือบังโข้ย ชัยเภท อายุ 54ปี อาชีพขับรถสองแถวสายนครฯ-ท่าศาลา ซึ่งมีบ้านเช่าอยู่ติดกันบ้านเช่าของผู้ตาย บริเวณด้านหลังที่ว่าการอำเภอท่าศาลา ทางตำรวจชุดสืบสวน สภ.ท่าศาลา ได้นำกำลังพร้อมหมายจับไปจับกุมนายวิเชียรหรือบังโข้ยได้คาบ้านเช่า และค้นในบ้านเจอหลักฐานสำคัญเป็นสร้อยข้อมือและสร้อยคอทองคำหนักรวม 4 บาท และเงินสดอีก 10,000 บาท ที่ได้จากการนำแหวนทองคำหนัก 2 สลึงของผู้ตายไปขายแล้วนำมาซุกซ่อนในห้องเช่า โดยนายวิเชียรหรือบังโข้ย ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อหาว่าแอบมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งจนฝ่ายหญิงช็อคตายก่อนนำศพไปทิ้งในที่เกิดเหตุ แล้วปลดทองรูปพรรณหนัก 5 บาทมาเก็บไว้ที่บ้านเช่าจนถูกตำรวจตามจับได้


ต่อมาวันที่ 6 มิ.ย2564 เวลา 14.00 น. พ.ต.อ.อนันต์ หริกจันทร์ ผกก.สภ.ท่าศาลา พร้อมด้วย พ.ต.ท.เกษมสิทธิ์ จำปาทอง รองผกก.สอบสวน, พ.ต.ท.ปิยะวัฒน์  สุพรรณพงศ์ รอง ผกก.(สส.) และตำรวจชุดสืบสวน ได้คุมตัวนายวิเชียรหรือบังโข้ย   ชัยเภท อายุ54ปี ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ที่จุดเกิดเหตุจุดแรกบ้านเช่าของ น.ส.วันดี ผู้ตายและบ้านเช่าของนายวิเชียรผู้ต้องหา ที่อยู่ติดกันบริเวณด้านหลังที่ว่าการอำเภอท่าศาลา โดยนายวิเชียร รับสารภาพว่าตนได้แอบมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับผู้ตายที่มีบ้านเช่าติดกันมานานแล้ว ทั้งๆ ที่มีครอบครัวแล้วทั้งสองฝ่าย 


นายวิเชียรให้การับสารภาพว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 31พ.ค.2564 ได้แอบเข้าทางหลังบ้านเช่าเข้าไปในห้องของ น.ส.วันดี และมีการพลอดรักกันแต่ไม่ทันได้ทำอะไรกัน น.ส.วันดีเกิดมีอาการซ็อคตายเสียก่อน ทำให้ตนตกใจทำอะไรไม่ถูก กลัวถูกภรรยาของตนและสามีของผู้ตายจับได้ จึงวางแผนนำศพ น.ส.วันดีใส่ท้ายกระโปรงรถเก๋งยี่ห้อฮอนด้าซิตี้ สีเทา ทะเบียน ขก-1072 สุราษฎร์ธานี แล้วนำศพไปโยนทิ้งในคูน้ำริมถนนในหมู่บ้าน หมู่ 2 ต.ท่าขึ้น โดยปลดสร้อยคอทองคำหนัก 2 บาท 1 เส้น,สร้อยข้อมือหนัก 2 บาท 1 เส้นและแหวนทองคำหนัก 2 สลึง 1 วงจากตัวผู้ตายกลับมากบดานเงียบที่ห้องเช่าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พร้อมนำแหวนทองคำหนัก 2 สลึงไปขายได้เงินมา 13,000 หมื่นบาท ใช้จ่ายไป 3,000 บาท เหลือ 10,000 บาทแล้วนำเงินที่เหลือพร้อมทองรูปพรรณที่เหลืออีก 4 บาทมาใส่ถุงซ่อนในห้องเช่า และกำลังเตรียมวางแผนจะหลบหนีแต่มาถูกตำรวจบุกจับกุมได้เสียก่อนดังกล่าว 


ตำรวจได้คุมตัวนายวิเชียรผู้ต้องหาไปทำแผนชี้จุดที่เกิดเหตุในห้องเช่าของ นส.วันดี จนน.ส.วันดีซ็อคตาย และทำแผนจุดที่นายวิเชียรหามศพ น.ส.วันดีใส่ท้ายกระโปรงรถเก๋งนำศพไปทิ้งจุดที่เกิดเหตุ บริเวณคูน้ำริมถนนในหมู่บ้าน หมู่ 2 ต.ท่าขึ้น ท่ามกลางญาติๆและชาวบ้านจำนวนมากไปมุงดูการทำแผนด้วยความสนใจ จนตำรวจต้องกันผู้ไม่เกี่ยวข้องออกห่างจุดทำแผนเพื่อป้องกันการถูกประชาทัณฑ์ โดยใช้เวลาทำแผนทั้ง2จุดประมาณ 1ชม.ก่อนนำตัวผู้ต้องหากลับมายัง สภ.ท่าศาลา เพื่อเตรียมฝากขังวันที่ 7 มิ.ย.ต่อไป


สำหรับประวัตินายวิเชียรหรือบังโข้ย ชัยเภท ผู้ต้องหารายนี้ เมื่อวันที่ 8 ก.พ.2558 เคยก่อคดีฆ่าชิงทรัพย์ทองรูปพรรณหนัก 3 บาทแม่บ้านร้านอาหารหมูกระทะในพื้นที่ อ.ท่าศาลา และนำศพไปโยนทิ้งริมถนนสายสนามบิน-อู่ตะเภา เขต อ.เมืองนครศรีธรรม ราช และถูกตำรวจ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช จับกุมเมื่อวันที่12 มี.ค.2558 แต่ผู้ต้องหาปฏิเสธ และสู้คดีจนหลุดคดีมาได้แล้วมายึดอาชีพขับรถสองแถวสายนครฯ-ท่าศาลา เหมือนเดิม และมาเช่าบ้านกับภรรยาติดกับบ้านเช่าของ น.ส.วันดีผู้ตาย จนมาเกิดเหตุล่าสุดและถูกตำรวจจับกุมได้ดังกล่าว และจากการสอบสวนปากคำญาติและแพทย์นิติเวช ทราบว่าปกติ นส.วันดีผู้ตายป่วยเป็นโรคหัวใจโตด้วย.




อ่านข่าวที่เกี่ยงข้อง :