ทัพเรือภาคที่ 2 น้อมรำลึก 100 ปี “กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์”

สงขลา-พิธีวางพวงมาลา เนื่องในวัน “อาภากร” ประจำปี 2566 เพื่อน้อมรำลึกในพระกรุณาธิคุณ พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภาเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์  “องค์บิดาของทหารเรือไทย” ในวาระครบ100 ปี แห่งการสิ้นพระชนม์

เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 66 เวลา 08.30 น  ที่บริเวณพระอนุสาวรีย์พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภาเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา พลเรือโท จรัสเกียรติ ไชยพันธุ์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 2 เป็นประธานในพิธีวางพวงมาลาถวายสักการะพระอนุสาวรีย์พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ องค์บิดาของทหารเรือไทย เนื่องในวันอาภากร ประจำปี 2566 และในวาระครบ 100 ปี แห่งการสิ้นพระชนม์ โดยมี  นายเอกชัย เลิศวิบูลย์ลักษณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา พร้อมด้วยข้าราชการระดับสูง หัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ เข้าร่วมในพิธีอย่างพร้อมเพรียง

พลเรือโท จรัสเกียรติ ไชยพันธุ์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 2 กล่าวว่า  วันอาภากร ตรงกับวันที่ 19 พฤษภาคมของทุกปี ซึ่งเป็นวันคล้ายวันสิ้นพระชนม์ของพลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ พระองค์ทรงได้รับสมัญญาเป็น องค์บิดาแห่งกองทัพเรือ ซึ่งทหารเรือยกย่องและเทิดทูนพระเกียรติคุณอย่างสูงสุด เนื่องจากพระองค์ทรงริเริ่มวางรากฐานกิจการทหารเรือและนำความเจริญมั่นคงและรุ่งเรืองมีสมรรถภาพสู่กองทัพเรือเป็นที่ประจักษ์ทั่วไป ทำให้ทัพเรือไทยทันสมัยมีมาตรฐาน และเจริญก้าวหน้าทัดเทียมกับอารยะประเทศ

นอกจากนี้ในด้านการแพทย์ พระองค์ทรงศึกษาค้นคว้าอย่างจริงจัง และใช้เวลาหลังทรงเกษียณเสด็จไปรักษาโรคแก่ประชาชนด้วยพระองค์เองไม่ว่าเป็นคนไทยหรือคนจีน จนกระทั่งชาวจีนย่านสำเพ็งซาบซึ้งในพระกรุณาธิคุณเรียกพระองค์ท่านว่า "เตี่ย" (พ่อ) ซึ่งต่อมาทหารเรือได้เรียกพระองค์ว่า "เสด็จเตี่ย" ขณะที่คนไข้ชาวไทยมักเรียกพระองค์ว่า "หมอพร" โดยทรงสนับสนุนการรักษาตามแบบแพทย์แผนไทยด้วย

พลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ทรงประชวรและสิ้นพระชนม์ในขณะที่ประทับอยู่ที่หาดทรายรี ปากน้ำเมืองชุมพร เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2466 กองทัพเรือจึงได้กำหนดให้วันที่ 19 พฤษภาคมของทุกปี เป็นวันอาภากร เพื่อเทิดพระเกียรติและน้อมรำลึกในพระกรุณาธิคุณของพระองค์ท่านที่ทรงมีต่อกองทัพเรือตลอดระยะเวลาที่ทรงรับราชการ ส่งผลให้กองทัพเรือมีความเจริญก้าวหน้า สามารถทำหน้าที่รั้วของชาติทางทะเลได้อย่างเข้มแข็ง.