ธปท.สภต.สรุปภาวะเศรษฐกิจและการเงินภาคใต้ไตรมาสที่ 3 ปี 2563
หมวดหมู่ : เศรษฐกิจ, สงขลา, ทั่วไป, ภาคใต้,
โฟสเมื่อ : 6 พ.ย. 2563, 15:15 น. อ่าน : 1,050ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคใต้ สรุปภาวะเศรษฐกิจภาคใต้ไตรมาสที่ 3 ปี 2563 ว่า มีการหดตัวน้อยลงจากไตรมาสก่อน จากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรค COVID-19 ทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งยังมีปัจจัยสนับสนุนจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ เกษตรกร ทำให้การอุปโภคบริโภคภาคเอกชนปรับดีขึ้น นอกจากนี้ การใช้จ่ายภาครัฐขยายตัวสูง สอดคล้องกับการลงทุนภาคเอกชนที่ปรับดีขึ้น ด้านอุปสงค์ต่างประเทศฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ส่งผลให้มูลค่าการส่งออกสินค้ากลับมาขยายตัว และการผลิตในบางหมวดสินค้าปรับดีขึ้น อย่างไรก็ตามการผลิตภาคอุตสาหกรรมในภาพรวมหดตัวจากหมวดยางพาราแปรรูปเป็นสำคัญ สำหรับภาคท่องเที่ยวจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติยังคงหดตัวสูง อย่างไรก็ดีการท่องเที่ยวในประเทศทยอยฟื้นตัว ผลดีจากมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวจากภาครัฐ
ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ
อัตราเงินเฟ้อทั่วไปติดลบน้อยลงจากราคาพลังงานเป็นสำคัญ โดยราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศปรับเพิ่มขึ้น
ประกอบกับค่าไฟฟ้าและน้ำประปากลับเข้าสู่อัตราปกติ หลังสิ้นสุดมาตรการบรรเทาค่าครองชีพ
ด้านตลาดแรงงานยังคงเปราะบางจากผลกระทบของ COVID-19
รายละเอียดของภาวะเศรษฐกิจภาคใต้มีดังนี้
การอุปโภคบริโภคภาคเอกชน
หดตัวน้อยลงจากไตรมาสก่อน โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการผ่อนคลายมาตรการปิดเมืองในประเทศเป็นสำคัญ
ประกอบกับความเชื่อมั่นผู้บริโภค รวมถึงรายได้เกษตรกรปรับดีขึ้น จึงช่วยพยุงกำลังซื้อได้บางส่วน
ทั้งนี้ การใช้จ่ายสินค้าหดตัวน้อยลงในเกือบทุกหมวดการใช้จ่าย โดยเฉพาะหมวดบริการของนักท่องเที่ยวชาวไทย
และหมวดยานยนต์ที่ได้รับอานิสงส์จากความต้องการซื้อรถของผู้บริโภคบางกลุ่มที่ยังมีตั้งแต่ช่วง
COVID-19 ประกอบกับโรงงานผลิตรถเริ่มกลับมาผลิตและส่งมอบได้ตามปกตินอกจากนี้
การใช้จ่ายหมวดสินค้าในชีวิตประจำวันปรับดีขึ้นเช่นกัน
ด้านผลผลิตเกษตร
หดตัวจากไตรมาสก่อน โดยผลผลิตยางพารายังคงหดตัว จากฝนที่ตกชุกกว่าปีก่อนและขาดแคลนแรงงานกรีดยาง
ประกอบกับผลผลิตปาล์มน้ำมันกลับมาหดตัว จากผลกระทบของภาวะฝนทิ้งช่วงในช่วงครึ่งปีแรก
ขณะที่ผลผลิตกุ้งขาวกลับมาหดตัวเช่นกัน จากความผันผวนด้านราคาในช่วงก่อนหน้าที่มีการระบาดของ
COVID-19 รุนแรง เกษตรกรจึงลดการลงลูกกุ้ง อย่างไรก็ดี ราคาสินค้าเกษตร ขยายตัวดีในทุกสินค้าหลัก
ตามปริมาณผลผลิตที่ลดลง ส่งผลให้ รายได้เกษตรกร ขยายตัวจากไตรมาสก่อน
การใช้จ่ายภาครัฐ
ขยายตัวสูงจากไตรมาสก่อน ตามรายจ่ายลงทุนที่กลับมาขยายตัวสูง จากการเบิกจ่ายของกรมทางหลวง
กรมทางหลวงชนบท กรมชลประทาน รวมถึงการเบิกจ่ายหมวดเงินอุดหนุนเฉพาะกิจของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นเป็นสำคัญ
ขณะที่รายจ่ายประจำหดตัวเล็กน้อยจากไตรมาสก่อนที่ขยายตัวดี ตามการเบิกจ่ายที่ลดลงในหมวดงบรายจ่ายอื่น
ทั้งนี้การใช้จ่ายภาครัฐตลอดปีงบประมาณ 2563 ลดลงจากปีงบประมาณ 2562 ร้อยละ 2.7
ตามการเบิกจ่ายงบลงทุนที่ลดลงเป็นสำคัญ
การลงทุนภาคเอกชน
ปรับดีขึ้นจากไตรมาสก่อน โดยการนำเข้าสินค้าทุนกลับมาขยายตัวเล็กน้อย ตามการนำเข้าเครื่องจักรของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมไม้ยางพาราแปรรูปและถุงมือยาง
สอดคล้องกับภาวะการผลิตในอุตสาหกรรมดังกล่าว
ด้านการลงทุนในภาคก่อสร้างปรับดีขึ้นเช่นกัน สะท้อนจากมูลค่าการจำหน่ายเครื่องจักรในประเทศในหมวดเครื่องจักรและวัสดุที่ใช้ในงานก่อสร้าง
สอดคล้องกับปริมาณจำหน่ายปูนที่กลับมาขยายตัว
เช่นเดียวกับการลงทุนใน ภาคอสังหาริมทรัพย์ ที่ยังขยายตัวได้ แม้จะชะลอลง
จากความต้องการซื้อที่ยังมีอยู่
มูลค่าการส่งออกสินค้า
กลับมาขยายตัวจากไตรมาสก่อน จากอุปสงค์ต่างประเทศที่ฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป
ตามการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรค COVID-19 ในต่างประเทศ
ส่งผลต่อเนื่องให้ การผลิตภาคอุตสาหกรรม ในหลายหมวดปรับดีขึ้นจากไตรมาสก่อน
โดยเฉพาะไม้ยางพาราแปรรูป และถุงมือยาง อย่างไรก็ตาม
การผลิตภาคอุตสาหกรรมในภาพรวมกลับมาหดตัวจากไตรมาสก่อน ตามการผลิตยางพาราแปรรูปที่ลดลงเป็นสำคัญ
เนื่องจากมีการเร่งผลิตและส่งสินค้าที่เป็นคำสั่งซื้อตกค้างตั้งแต่ช่วงก่อน COVID-19 ไปแล้วในไตรมาสก่อนหน้า ทั้งน้ำยางข้น และยางผสมสารเคมี
จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ หดตัวสูงต่อเนื่อง
เนื่องจากมาตรการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศยังคงมีอยู่ อย่างไรก็ดี การท่องเที่ยวในประเทศ ทยอยฟื้นตัว
โดยได้รับผลดีจากมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวจากภาครัฐ รวมถึงมีวันหยุดยาวหลายช่วง
เสถียรภาพเศรษฐกิจ
อัตราเงินเฟ้อทั่วไป ติดลบน้อยลงอยู่ที่ร้อยละ -1.44 จากราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศที่ปรับเพิ่มขึ้น
ประกอบกับค่าไฟฟ้าและน้ำประปากลับเข้าสู่อัตราปกติ หลังสิ้นสุดมาตรการบรรเทาค่าครองชีพ
ด้านตลาดแรงงาน ยังคงเปราะบางจากผลกระทบของ COVID-19
ส่วนหนึ่งสะท้อนจากผู้ว่างงานในระบบประกันสังคมที่เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน
ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ปี 2563 เงินฝากคงค้างของสถาบันการเงินขยายตัวใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนโดยขยายตัวทั้งเงินฝากของธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (SFIs) ด้านสินเชื่อคงค้างขยายตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาสก่อน ส่วนหนึ่งมาจากสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องของธุรกิจ.