นายก อบจ.พัทลุงให้ ผวจ.ย้ายตัวเองจากเหตุขโมยรังนกครั้งมโหฬาร -แฉอดีต สจ.สมคบ ขรก.บงการ
หมวดหมู่ : การเมือง, พัทลุง, ทั่วไป,
โฟสเมื่อ : 24 ก.ย. 2564, 22:00 น. อ่าน : 6,048พัทลุง-ขโมยรังนกพัทลุงพ่นพิษ นายก อบจ.พัทลุง เรียกร้องให้ ผวจ.ออกมารับผิดชอบด้วยการขอย้ายตัวเอง ก่อนที่จะถูกชาวบ้านขับไล่ ขณะที่ ผวจ.พัทลุง โพสต์เฟสบุ๊กชี้แจงสั่งให้นายอำเภอนำคลิปเสียงสั่งเปิดทางให้ขนรังนกที่ขโมย ไปแจ้งตำรวจแล้ว รวมทั้งเสนอให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนหาเจ้าของเสียงด้วย ด้านผู้ใกล้ชิดเครือข่ายขโมยรังนกแฉมี อดีต สจ.คนหนึ่งในภาคใต้ สมคบกับข้าราชการใน จ.พัทลุง บงการ
ชาวพัทลุงชื่นชมสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.)ที่มอบหมายให้ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร.(สส.) นำชุดสืบสวนเฉพาะกิจของ สตช. ลงพื้นที่สืบสวนสอบสวน คดีขบวนการขโมยรังนกในถ้ำ 7 ถ้ำบนเกาะสี่เกาะห้า ต.เกาะหมาก อ.ปากพะยูน จ.พัทลุง จนกระทั่งเก็บรวบรวมหลักฐานต่างๆในที่เกิดเหตุได้จำนวนมาก ขณะที่ทาง ผวจ.พัทลุง ในฐานะประธานคณะกรรมการรังนกอีแอ่น จ.พัทลุง กลับเพิกเฉยไม่สั่งให้มีการแจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มคนร้าย รวมถึงการเก็บรวบรวมหลักฐานในที่เกิดเหตุ ตั้งแต่วันที่ 9 ก.ย.วันแรกที่ตรวจพบว่ามีการขโมยรังนกจนเกลี้ยง 7 ถ้ำ และจากการทำงานอย่างจริงจัง ของชุดสืบสวนของ สตช. ทำให้มีผู้ต้องสงสัยเข้ามามอบตัว 1 ราย ด้านนายวิสุทธิ์ ธรรมเพชร นายก อบจ.พัทลุง ได้นำคลิปเสียงการสนทนาระหว่างข้าราชการในจังหวัดกับลูกน้องออกมาเผยแพร่ และมอบให้กับตำรวจจนฉาวโฉ่ทั้งเมือง ตามข่าวที่เสนอข่าวเปิดโปงมาอย่างต่อเนื่องนั้น
ความคืบหน้าเรื่องนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานวันที่ 24 ก.ย.2564 ว่า นายกู้เกียรติ วงศ์กระพันธุ์ ผวจ.พัทลุง ได้กล่าวในเฟสบุ๊กของสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพัทลุง เมื่อตอนเย็นวันที่ 23 ก.ย.2564 ว่าได้รับรายงานและรับทราบคลิปเสียงดังกล่าวเมื่อตอนเช้าของวันนี้แล้ว ใจความเป็นคลิปเสียงการสนทนากันระหว่างคน 2 คน ที่สั่งให้คนอยู่ประจำแพเฝ้ารังนกเปิดทางให้คนขนรังนกออกมาจากถ้ำ ซึ่งคลิปเสียงใช้เวลาพูดคุยประมาณ 1 นาที หลังจากฟังคลิปเสียงเรื่องดังกล่าว ได้มีการเสนอให้มีการแต่งตั้งกรรมการขึ้นมาสอบสวนที่มาที่ไปของคลิปเสียงนี้ ว่าเป็นเสียงของใคร ซึ่งการถอดเสียงคลิปเสียงต้องใช้หลักทางวิทยาศาสตร์พิสูจน์ โดยตนจะช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อหาผู้กระทำความผิดคือเจ้าของเสียงของคลิปเสียงนี้ด้วย ในขณะเดียวกันได้มอบหมายให้นายอำเภอปากพะยูน นำคลิปเสียงไปลงบันทึกประจำวันที่ สภ.เกาะนางคำ เป็นหลักฐานด้วย เพื่อให้ตำรวจนำหลักฐานดังกล่าวไปค้นหา สืบหา นำไปสู่การจับกุมผู้กระทำความผิดต่อไป
ส่วนกรณีกลุ่มพิทักษ์ผลประโยชน์ประชาชนจังหวัดพัทลุง นัดรวมตัวกันทวงถามเรื่องการขโมยรังนก เมื่อตอนเย็นวันที่ 21 ก.ย.นั้น นายกู้เกียรติ ชี้แจงว่า ได้มอบหมายให้ รอง ผอ.รมน.จังหวัดพัทลุงเป็นผู้รับหนังสือแทนเนื่องจากติดประชุมทางไกล และได้รีบบันทึกเสนอให้กระทรวงมหาดไทยได้รับทราบแล้ว เนื่องจากหนังสือดังกล่าวเป็นหนังสือร้องเรียนถึงกระทรวงฯ ที่ได้กล่าวหาตนในทำนองว่าเป็นผู้บริหารบกพร่อง และปล่อยปละละเลยจนทำให้รังนกถูกขโมย เพื่อให้กระทรวงฯ พิจารณาดำเนินการตามความเหมาะสม ซึ่งตนอยากให้หลายๆฝ่ายเข้ามาตรวจสอบเรื่องดังกล่าว เพื่อที่จะได้เผยข้อเท็จจริงให้สังคมได้รับทราบอย่างชัดเจน
ขณะเดียวกันเมื่อตอนเย็นวันที่ 23 ก.ย.2564 เช่นกัน นายวิสุทธิ์ ธรรมเพชร นายก อบจ.พัทลุง ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน มีใจความสรุปว่าหากนายกู้เกียรติ วงศ์กระพันธุ์ ผวจ.พัทลุง ได้กำกับดูแลรังนกอย่างใกล้ชิดรังนกคงไม่ถูกขโมย ประชากรนก ลูกนกวัยอ่อน คงไม่ถูกทำลายล้างจนได้รับความเสียหายมากมายถึงขนาดนี้ เรื่องความเสียหายดังกล่าวนี้นายกู้เกียรติฯ จะตอบคำถามของสังคมได้อย่างไร ดังนั้น ผวจ.จะต้องแสดงความรับผิดชอบในเรื่องที่เกิดขึ้น จากการบริหารงานที่บกพร่อง ผิดพลาด ปล่อยปละละเลย จนทำให้ทรัพย์สินของแผ่นดินได้รับความเสียหาย
นายวิสุทธิ์กล่าวอีกว่า นายกู้เกียรติและตนเป็นชาวพัทลุงด้วยกัน เราทั้ง 2 คนมีหน้าที่ปกป้องผลประโยชน์ของชาวพัทลุงเหมือนกัน หาก ผวจ.ไม่รับผิดชอบในเรื่องความเสียหายที่เกิดขึ้น ก็ขอให้พิจารณาตัวเองโดยการย้ายออกนอกพื้นที่ และหากว่าตนเป็น ผวจ.พัทลุงตนจะแสดงสปิริตด้วยการขอย้ายตนเองทันทีที่บริหารราชการบกพร่องในครั้งนี้ อย่างไรก็ตามจากการจัดเวทีของกลุ่มพิทักษ์ผลประโยชน์จังหวัดพัทลุง และผู้นำท้องถิ่นที่ผ่านมานั้น มีคนโทรศัพท์มายหาตนเพื่อให้ดำเนินการเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด พวกเราชาวท้องถิ่น ท้องที่ จะต้องรวมตัวกันออกมาปกป้องผลประโยชน์ เพื่อมิให้ผลประโยชน์ของแผ่นดินเป็นของคนใดคนหนึ่ง วันนี้ชาวบ้านที่ได้สนับสนุนให้ตนเป็นนายก อบจ.พัทลุง จะไม่ยอมให้เรื่องนี้เงียบหายไป ผวจ.จึงต้องขอย้ายตัวเอง เพื่อให้คณะกรรมการฯได้ทำการตรวจสอบสวนข้อเท็จจริงให้เป็นไปอย่างสมบูรณ์แบบ โปร่งใส บริสุทธิ์ และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และตนเชื่อว่าหาก ผวจ.ไม่ขอย้ายตัวเอง จะมีคนขับไล่ท่านอย่างแน่นอน
ด้านการเก็บรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ นั้นทีมข่าวไทยแหลมทองซึ่งทำงานร่วมกับทีมข่าวเฉพาะกิจหนังสือพิมพ์ส่วนกลาง รายงานว่า เมื่อตอนสายวันนี้ ที่บริเวณท่าเทียบเรือของบริษัทสยามเนสท์ 2022 จำกัด ท้องที่ ม.9 ต.นาปะขอ อ.บางแก้ว จ.พัทลุง กำลังตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนขอบก.ภ.ภ.จว.พัทลุง และ จนท.พิสูจน์หลักฐานจังหวัดพัทลุง ภายใต้การนำของ พ.ต.อ.วรชาติ รสจันทร์ รอง ผบก.ภ.จว.พัทลุง พ.ต.อ.ยศวรรธน์ กระจ่างวงศ์ ผกก.สส.ภ.จว.พัทลุง พ.ต.อ.ประสิทธิ์ ปานดำ ผกก.(ส) ภ.จว.พัทลุง และ พ.ต.อ.ทัศนีย์ ขวัญพรหม ผกก.พิสูจน์หลักฐานจังหวัดพัทลุง ได้ระดมพนักงานสอบสวนของ สภ.ต่างๆทั่วทั้งจังหวัดฯประมาณ 15 นาย เข้าดำเนินการตรวจดีเอ็นเอ จัดเก็บลายพิมพ์นิ้วมือ สอบปากคำ และจัดเก็บข้อมูลการติดต่อสื่อสารทางโทรศัพท์ของกลุ่มคนงานชุดรับจ้างเก็บรังนกแต่ละคน ซึ่งทางบริษัทฯได้ว่าจ้างมาจัดเก็บรังนก หลังจากที่ทางบริษัทฯได้รับการสัมปทานการประมูลจัดเก็บรังนกในราคากลาง 400 ล้านบาท ซึ่งคนงานชุดจัดเก็บรังนกฯดังกล่าวนี้ไม่ได้เป็นพนักงานของบริษัทรังนกแต่อย่างใด
พ.ต.อ.วรชาติ รสจันทร์ รอง ผบก.ภ.จว. พัทลุง ผู้รับผิดชอบด้านงานสอบสวน เปิดเผยว่า กลุ่มคนงานชุดรับจ้างเก็บรังนกที่ทางบริษัทว่าจ้างให้มาเก็บรังนกตามถ้ำต่างๆในครั้งแรกนั้น เป็นคนงานชุดรับจ้างจากพื้นที่ ต.เกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง และจากพื้นที่ ต.เกาะใหญ่ อ.กระแสสินธุ์ จ.สงขลา รวมทั้งสิ้น 41 คน หลังจากนี้กำลังตำรวจจะได้ร่วมกันตรวจดีเอ็นเอ จัดเก็บลายพิมพ์นิ้วมือ สอบปากคำ และจัดเก็บข้อมูลการติดต่อสื่อสารทางโทรศัพท์ของ จนท. ทุกๆคนที่ลงพื้นที่เฝ้าเกาะรังนกฯที่มาจาก 4 หน่วยงาน ได้แก่ฝ่ายปกครอง ตำรวจ จนท.กรมอุทยานฯ และ อบจ.พัทลุง รวมทั้ง จนท.กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฝ่ายปกครองของ อ.ปากพะยูน ซึ่งนายอำเภอปากพะยูนนำมาปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือการเฝ้ารังนกร่วมกับทางจังหวัดด้วย คาดว่าน่าคงจะใช้ กก.ภ.จว.พัทลุงเป็นสถานที่ดำเนินการ
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า กรณีที่นายภูดิฐ ชนะวรรณโณ นอภ.ปากพะยูน ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการรังนกฯ ให้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มคนร้ายที่เข้าไปขโมยรังนก ทำลายทรัพยากรนกฯ ในช่วงอยู่ในความรับผิดชอบของจังหวัดฯ ก่อนที่จะส่งมอบเกาะรังนกให้บริษัทฯ เมื่อวันที่ 9 ก.ย.2564 โดย นอภ.ปากพะยูน ได้เข้าแจ้งความเมื่อวันที่ 22 ก.ย. แต่พนักงานสอบสวน สภ.เกาะนางคำ ไม่รับแจ้ง ความ เนื่องจากขาดเอกสารหลักฐานและรายละเอียดประกอบการแจ้งความนั้น ช่วงเที่ยงวันนี้(24 ก.ย.) นอภ.ปากพะยูน ได้นำเอกสารหลักฐาน เข้าแจ้งความต่อ ร.ต.อ.กฤษณะ เพียสุระ รอง สว.(สอบสวน) สภ. เกาะนางคำ ไว้เรียบร้อยแล้ว
ทางด้านเครือข่ายของขบวนการขโมยรังนกครั้งมโหฬาร และทำลายนกไปนับล้านตัว มูลค่าความเสียหายกว่า 5,000 ล้านบาทนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้รับการเปิดเผยจากผู้ใกล้ชิดเครือข่ายขบวนการขโมยรังนกเปิดเผยว่า ขณะนี้ตัวการใหญ่ ลูกน้องของนักการเมือง สั่งกำชับให้ทุกคนกบดานกันเงียบ ใครทำงานอะไรก็ให้ทำตามปกติเพื่อไม่ให้เกิดความสงสัย ส่วนแนวทางการสืบสวนสอบสวนของตำรวจ และจากหลักฐานต่างๆ ที่กลุ่มคนร้ายทิ้งไว้ ล้วนเป็นอุปกรณ์และเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรังนกได้อย่างดี แสดงให้เห็นว่าขบวนการขโมยรังนกใน 7 ถ้ำบนหมู่เกาะสี่เกาะห้าครั้งนี้ น่าจะมีคนที่ยึดอาชีพเก็บรังนกร่วมอยู่ด้วย และเป็นที่รู้กันดีในวงการรังนกว่า อดีต สจ.ในภาคใต้ลูกน้องนักการเมือง มีเครือข่ายลูกน้องที่ยึดอาชีพเก็บรังนกหลายคน ที่ออกรับจ้างเก็บและขโมยด้วยในจังหวัดต่างๆ ทางภาคใต้ ทำกันมาเป็นเวลานานแล้ว
ส่วนแผนการขโมยรังนกครั้งมโหฬารที่ จ.พัทลุงเริ่มวางแผนกันตั้งแต่ วันที่บริษัทสยามเนสท์ฯ ผู้รับสัมปทานเดิมไม่ได้เก็บรังนกครั้งที่ 2 และแจ้งขอสละสิทธิ์การเก็บ ก่อนส่งมอบคืนเกาะ เนื่องจากต้องการอนุรักษ์และเพิ่มประชากรนก ซึ่งคำนวณจากรังนกที่ไม่ได้เก็บมีประมาณเกือบ 600,000 รัง แต่ละรังจะรอง รับชีวิตลูกนกได้ 2 ตัว จึงคาดว่าปีนี้จะเพิ่มประชากรนกได้อีกไม่ต่ำกว่า 1 ล้านตัว วันส่งมอบคืนเกาะ นายกอบจ. พัทลุง และกรรมการบางคน รวมทั้งทางบริษัทจึงได้นำสื่อมวลชนลงพื้นที่ส่งมอบเกาะด้วย เพื่อร่วมกันบันทึกภาพไว้เป็นสักขีพยานว่า ใน 7 ถ้ำใหญ่ มีรังนกอยู่เท่าไร ประกอบกับมีข้าราชการในจังหวัดคนหนึ่งเห็นแก่เงิน จึงร่วมสมคบกับอดีต สจ.ในภาคใต้คนหนึ่งวางแผนขโมยเก็บรังนก โดยมีนักการเมืองลูกพี่รู้เห็นด้วย สำหรับคลิปเสียงสั่งเปิดทางให้กลุ่มคนร้ายขนรังนกหนีที่มีการนำมาแฉนั้น ปรากฏว่าเป็นที่ฮือฮาของข้าราชการในจังหวัดพัทลุง เพราะต่างรู้ดีว่าเป็นเสียงของข้าราชการระดับหัวหน้างาน ซึ่งข่าวคืบหน้าจะเสนอต่อไป.