นายก อบต.ยอมรับบุตรชายติดยาเสพติดก่อเหตุ ไล่ฟันคน ให้ว่าตาม ก.ม.
หมวดหมู่ : กระบี่, ทั่วไป,
โฟสเมื่อ : 14 ต.ค. 2565, 15:49 น. อ่าน : 564กระบี่-นายก อบต.ยอมรับ บุตรชายมีอาการคลั่ง ผลมาจากเสพยา ยันปล่อยตามกระบวนการชอบกฎหมาย เผยวงจรปิดเคยยิงปืนขู่ชาวบ้านด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 14 ต.ค. ความคืบหน้าเหตุลูกชายนายก อบต.แห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.เขาพนม ก่อเหตุนำรถยนต์จอดขวางถนนไล่ฟันรถ และไปฟันหน้าของหญิงสาวที่ ต.เขาดิน อ.เขาพนม จ.กระบี่ เหตุเกิดเมื่อช่วงเย็นวันที่12 ต.ค.ที่ผ่านมา ล่าสุดทางกลุ่มผู้เสียหายได้เปิดเผยกล้องวงจรปิดที่ผู้ก่อเหตุ ซึ่งเป็นบุตรชายนายก อบต. ได้ไปก่อกวนชาวบ้านด้วยการยิงปืนขู่ 2 นัด ที่หน้าบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่หมู่ 8 ต.เขาดิน อ.เขาพนม ก่อนที่จะเดินทางกลับบ้านไป เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 3 เดือนที่ผ่านมา โชคดีไม่มีผู้บาดเจ็บ แต่ก็ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่เกิดความระแวงอย่างหนัก
ขณะที่ พ.ต.ท.จรัญ แนบเพชร สว.สอบสวนสภ.เขาพนม เปิดเผยว่า เหตุการณ์ไล่ฟันเมื่อวันที่ 12 ต.ค.นั้น ตนได้ร่วมในการรับฟังขณะที่ผู้เสียหายมาแจ้งความในช่วงเย็น โดยข้อเท็จจริงพบว่า วันเกิดเหตุทางตำรวจได้มีการปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมายยาเสพติด และไปที่บ้านผู้ก่อเหตุ แต่ไม่พบหลักฐาน หลังเกิดเหตุทราบว่าผู้ก่อเหตุอาจไม่พอใจ จึงนำรถออกมาขวางถนน และก่อเหตุดังกล่าวขึ้น หลังจากนั้นในช่วงค่ำได้ให้ทางตำรวจไปตามตัวมาตรวจปัสสาวะที่สภ.เขาพนม พบปัสสาวะเป็นสีม่วง จึงทำการส่งบำบัดที่ จ.นครศรีธรรมราช ในวันที่ 13 ต.ค.ที่ผ่านมาแล้ว ส่วนในทางคดีที่ไปทำร้ายร่างกาย และทำลายทรัพย์สิน ก็จะดำเนินคดีตามขั้นตอน ส่วนคดีที่ผู้ก่อเหตุไปชนรถ จยย.ที่ปั้มน้ำมันนั้น ทางตำรวจทำสำนวจเสร็จสิ้นไปแล้ว แจ้งข้อหาพยายามฆ่า และส่งสำนวนให้อัยการ ทราบว่าอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบเพื่อส่งฟ้องศาลแล้วด้วย
ด้านบิดาของผู้ก่อเหตุ ซึ่งมีตำแหน่งเป็นนายก อบต.แห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.เขาพนม ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวผ่านทางโทรศัพท์ว่า ช่วงนี้ตนยังอยู่ระหว่างเดินทางไปประชุมต่างจังหวัด ส่วนเหตุที่เกิดขึ้นตนทราบตั้งแต่วันแรกแล้ว เพราะมีตำรวจประสานมา ตนก็แจ้งให้ทางตำรวจ และฝ่ายปกครองของ อ.เขาพนม นำตัวลูกชายส่งไปเข้าสู่กระบวนการบำบัดผู้ติดยาเสพติดก่อน ส่วนคดีความ ก็ให้ตำรวจดำเนินการไปตามข้อเท็จจริง ซึ่งตนยืนยันว่าจะไม่เอาตำแหน่งหน้าที่การงานไปกดดันการทำงานของ จนท.อย่างแน่นอน
นายก อบต.ผู้เป็นบิดาเปิดเผยอีกว่า ที่ผ่านมายอมรับว่าบุตรชายมีพฤติกรรมที่ก้าวร้าว โดยลบุตรชายคนที่ก่อเหตุ เป็นคนสุดท้องใน 3 พี่น้อง ก่อนนี้ตนเองและครอบครัว พยายามสั่งสอนอบรมมาแล้วหลายครั้ง แต่บุตรชายก็ยังมีพฤติกรรมก้าวร้าวอเเว โดยยอมรับว่าน่าจะมีผลมาจากการเสพยาเสพติด มีอาการแบบนี้มา 3-4 ปีแล้ว ตนเองก็เคยส่งตัวเข้ารับการบำบัดมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ก็ยังไม่หาย ยอมรับว่าทางครอบครัวก็หนักใจ และอยากฝากขอโทษผู้เสียหายทั้งหมดด้วย ในส่วนของการเยียวยา ต้องรอให้ตนเดินทางกลับไปก่อน แล้วค่อยไปพูดคุยกันว่าจะต้องช่วยเหลืออย่างไรกันบ้าง สำหรับบุตรชายหลังจากนี้ก็ปล่อยไปตามกระบวนการกฎหมาย.