จังหวัดภูเก็ตจัดกิจกรรมปลูกป่าชายเลน ในวันต้นไม้ประจำปีของชาติและวันป่าชายเลนแห่งชาติ ประจำปี 2563 ผู้ว่าราชการจังหวัด นำหัวหน้าส่วนราชการร่วมปลูกป่าชายเลนกันอย่างคึกคัก
เมื่อวันที่ 10 พ.ค. พ.ศ. 2563 ที่บริเวณป่าชายเลน สวนสาธารณสะพานหิน ตำบลตลาดใหญ่ อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต นายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผวจ.ภูเก็ต ไปเป็นประธานเปิดกิจกรรมปลูกป่าชายเลน เนื่องในวันต้นไม้ประจำปีของชาติและวันป่าชายเลนแห่งชาติ ประจำปี 2563 โดยมีนายวงศกร นุ่นชูคันธ์ รอง ผวจ.ภูเก็ต นายวัฒนพงษ์ สุกใส ผอ.สนง.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดภูเก็ต นางสาวสมใจ สุวรรณศุภพนา นายกเทศมนตรีนครภูเก็ต และผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมปลูกป่าด้วย
นายวัฒนพงษ์ สุกใส ผอ.สนง.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า จากมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2532 อนุมัติให้วันวิสาขบูชา ของทุกปีเป็นวันต้นไม้ประจำปีของชาติ กรมป่าไม้ได้เชิญชวนให้จังหวัดภูเก็ตจัดกิจกรรมวันต้นไม้ประจำปี และได้พิจารณาวันที่เหมาะสมในการประกาศให้ “วันป่าชายเลนแห่งชาต”ิ เป็นวันที่ 10 พ.ค.ของทุกปี สื่บเนื่องจากเมื่อวันที่ 10 พ.ค. 2534 เป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้ทรงมีพระราชดำรัสเกี่ยวข้องกับป่าชายเลนเป็นครั้งแรก และส่งผลให้ทุกภาคส่วนได้ร่วมกันอนุรักษ์ป่าชายเลนมาอย่างต่อเนื่อง
สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับศูนย์บริหารจัดการทรัพยากรป่าชายเลนจังหวัดภูเก็ต เทศบาลนครภูเก็ต จึงได้จัดกิจกรรมปลูกป่าชายเลน ในวันต้นไม้ประจำปีของชาติ พ.ศ. 2563 และวันป่าชายเลนแห่งชาติ ประจำปี พ.ศ. 2563 ที่บริเวณป่าชายเลน สวนสาธารณสะพานหิน ตำบลตลาดใหญ่ อำเภอเมืองภูเก็ต โดยเนื้อที่ในการปลูกครั้งนี้ประมาณ 2 ไร่ ชนิดกล้าไม้ที่ใช้ปลูก คือ โกงกางใบเล็ก จำนวน 400 ต้น
ด้านนายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผวจ.ภูเก็ต กล่าวว่า ป่าชายเลนและทรัพยากรชายฝั่ง เป็นทรัพยากรธรรมชาติที่มีคุณค่ายิ่ง ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และความมั่นคงของประเทศ ป่าชายเลนเป็นแหล่งอาหาร แหล่งอนุบาล และที่อยู่อาศัยของสัตว์ต่าง ๆ ช่วยรักษาความสมดุลของระบบนิเวศชายฝั่ง บรรเทาความรุนแรงของคลื่นและลม ป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง และยังเป็นแหล่งกักเก็บคาร์บอน โดยช่วยลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศ
“ในอดีตที่ผ่านมาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งได้ถูกทำลายเป็นจำนวนมาก อันเกิดจากการบุกรุกครอบครองพื้นที่ป่าชายเลน การจับสัตว์น้ำอย่างไร้ขีดจำกัด มลพิษจากชุมชน โรงงานอุตสาหกรรม หรือสถานประกอบการ ปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้ ส่งผลกระทบต่อความสมดุลของระบบนิเวศชายฝั่งทะเล ทำให้ทรัพยากรชายฝั่งเสื่อมโทรมลง ครั้งนี้เป็นโอกาสดีที่จะได้ร่วมกันปลูกต้นไม้เพื่อฟื้นฟูสภาพป่าชายเลน เพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับประเทศ รักษาทรัพยากรป่าไม้ไว้ให้กับชุมชน สร้างสมดุลของระบบนิเวศ ลดภาวะโลกร้อนที่มีแนวโน้มสูงขึ้น” นายภัคพงษ์กล่าว.