กรุงเทพฯ-โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงศปก.ศบค. มีมติขอให้กระทรวงการต่างประเทศ ระวับการออกหนังสือรับรองการเดินทางเข้าไทย (COE)เพิ่มจากอินเดียอีก 3 ประเทศได้แก่ ปากีสถานบังคลาเทศ และเนปาล รวมเป็น 4 ประเทศ เพื่อป้องกันเชื้อโควิด-19 กลายพันธุ์แพร่เข้าไทย ส่วนคนไทยและนักการทูตพร้อมครอบครัว เข้าได้แต่ต้องกักตัว 14 วัน
นายธานี แสงนัตน์ อธิบดีกรมการกงสุล และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศชี้แจงเกี่ยวกับการระงับการเดินทางเข้าประเทศไทยของชาวต่างชาติจาก 3 ประเทศในภูมิภาคเอเชียใต้ดังนี้
ที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19( ศปก.ศบค.) เมื่อวันที่ 10 พ.ค. 2564 ได้หารือเกี่ยวกับกรณีการพบเชื้อกลายพันธุ์ที่พบครั้งแรกที่อินเดียในผู้เดินทางจากปากีสถาน และได้มีมติขอให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาระงับการออกหนังสือรับรองการเดินทางเข้าประเทศไทย (Certificate of Entry- COE) สำหรับชาวต่างชาติที่มีต้นทางหรือมีถิ่นพำนักจากประเทศที่พบเชื้อกลายพันธุ์ที่พบครั้งแรกที่อินเดีย โดยกระทรวงการต่างประเทศได้ปฏิบัติตามมติที่ประชุม ศปก.ศบค. โดยได้สั่งการให้สถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ระงับการออก COE และการตรวจลงตราสำหรับชาวต่างชาติที่มีต้นทางหรือมีถิ่นพำนักในปากีสถาน บังกลาเทศ และเนปาล ตั้งแต่วันที่ 10 พ.ค. 2564 เพิ่มเติมจากอินเดียที่มีประกาศก่อนหน้านี้
นอกจากนี้ ชาวต่างชาติที่เดินทางออกจาก 4 ประเทศข้างต้นและเปลี่ยนเครื่อง (Transit) ในประเทศอื่น หรือไปท่องเที่ยวหรือผ่านทางไปยัง 4 ประเทศข้างต้น จะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าประเทศไทยเช่นกัน
มาตรการดังกล่าวถือเป็นมาตรการชั่วคราวในช่วงที่ต้องระวังเชื้อกลายพันธุ์นี้เข้าสู่และแพร่ระบาดในประเทศไทย เป็นมาตรการสำหรับชาวต่างชาติทุกสัญชาติจาก 4 ประเทศดังกล่าว ไม่ได้ห้ามคนไทยแต่อย่างใด คนไทยรวมถึงนักการทูตต่างชาติที่มีจุดประสงค์เพื่อปฏิบัติงานและครอบครัว ตลอดจนผู้ที่มีถิ่นพำนักถาวรในประเทศไทย สามารถเดินทางเข้าประเทศไทยได้ แต่จะต้องปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัดโดยเข้ารับการกักตัวเป็นเวลา 14 วัน.