ผช.เลขาฯป.ป.ช.ภาค 9 นำทีมตรวจถนนสร้างใหม่ เปิดใช้พังชำรุดเร็ว

หมวดหมู่ : สตูล, ทั่วไป,

อ่าน : 527
ผช.เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.ภาค 9 โครงการสร้างถนนเลียบคลองชลประทาน ต.ฉลุง
ผช.เลขาฯป.ป.ช.ภาค 9 นำทีมตรวจถนนสร้างใหม่ เปิดใช้พังชำรุดเร็ว

สตูล- ผช.เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.ภาค 9 นำทีมร่วมกับ สนง.ป.ป.ช.สตูล ลงพื้นที่ตรวจโครงการสร้างถนนเลียบคลองชลประทาน ต.ฉลุง อ.เมืองสตูล สร้างเสร็จได้ไม่นานชำรุด เบื้องต้นสันนิษฐานว่ามาจากการใช้ถนนผิดประเภท มีรถบรรทุกน้ำหนักเกินกว่าที่กำหนดใช้เส้นทาง ส่งผลให้เกิดความเสียหายเร็ว แต่ต้องตรวจสอบให้แน่ชัดว่ามีการทุจริตในการก่อสร้างหรือไม่


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 22  มิถุนายน 2565  นายสุชาติ กรวยกิตานนท์ ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการป.ป.ช. ภาค 9 พร้อมด้วยนายธนกฤต เลิศวิริยวรางกูร ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดสตูล และคณะเจ้าหน้าที่จากสำนักงาน ป.ป.ช. ส่วนกลาง ได้ร่วมลงพื้นที่จังหวัดสตูล เพื่อติดตามกรณีโครงการก่อสร้างถนนฝายคลองท่าแพร บ้านกุบังจามัง ตำบลฉลุง อำเภอเมืองสตูล จังหวัดสตูล ในความรับผิดชอบโดยโครงการชลประทานสตูล เกิดการชำรุดเสียหายหลังจากเปิดใช้งานได้ไม่นาน ซึ่งเป็นถนนเลียบคลองชลประทานระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร งบประมาณกว่า 9 ล้านบาท แต่ส่วนที่เสียหายระยะทางสั้นๆ ประมาณ 30-40 เมตร 


ช่วงเช้าคณะจากสำนักงาน ป.ป.ช. และคณะจากโครงการชลประทานสตูล มีนายสุรพงศ์  เจริญการยนต์ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานสงขลา รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการโครงการชลประทานสตูล ร่วมประชุมหารือถึงความเป็นมาของถนนสายดังกล่าว พร้อมทั้งติดตามสภาพปัญหาและสาเหตุที่เกิดขึ้น จากนั้นคณะเดินทางไปยังโครงการก่อสร้างถนนฝายคลองท่าแพร บ้านกุบังจามัง ตำบลฉลุง เพื่อติดตามความเสียหาย โดยมีนายสุจริต ยามาสา นายกองค์การบริหารส่วนตำบลฉลุงและเจ้าหน้าที่ ร่วมลงพื้นที่ด้วยซึ่งจากการติดตามพื้นที่พบว่าโครงการก่อสร้างถนนฝายคลองท่าแพรดังกล่าว เกิดความเสียหายเฉพาะระยะทางสั้นๆ ประมาณ 30-40 เมตร เมื่อสอบถามจากชาวบ้านในพื้นที่ทราบว่าถนนสายดังกล่าวเกิดขึ้นจากความต้องการของประชาชน โดยโครงการชลประทานสตูลได้มีการปรับปรุงขยายถนนจนเกิดประโยชน์แก่ประชาชนได้ใช้เส้นทางดังกล่าว 


นายสุชาติ กรวยกิตานนท์ ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภาค 9 กล่าวว่า ถนนดังกล่าวเกิดจากความต้องการของประชาชน ซึ่งหน่วยงานที่รับผิดชอบได้มีการขยายเส้นทางเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน เป็นถนนลาดยางสำหรับสัญจรไปมาของชาวบ้านและเพื่อประโยชน์ทางการเกษตรกรรม รับน้ำหนักบรรทุกได้ไม่เกิน 6 ตันแต่เนื่องจากบริเวณดังกล่าวมีรถบรรทุกน้ำหนักเกินวิ่งรถด้วย ส่งผลให้ถนนดังกล่าวได้รับ


“ส่วนกรณีว่าจะมีการทุจริตหรือไม่ เนื่องจากถนนสายดังกล่าวเพิ่งสร้างเสร็จไม่นานแต่พังเสียหายนั้น จะต้องมีการสอบสวนต่อไป เบื้องต้นสันนิษฐานว่ามาจากการใช้ถนนผิดประเภท มีรถบรรทุกน้ำหนักเกินกว่าที่กำหนดใช้เส้นทาง ส่งผลให้เกิดความเสียหายเร็ว แต่อย่างไรก็ตามทาง ป.ป.ช. จะได้ติดตามการซ่อมแซมและการแก้ปัญหาถนนสายดังกล่าว ซึ่งเป็นหน้าที่ในการติดตามไปจนกว่าความเดือดร้อนของประชาชนจะหมดไป” นายสุชาติกล่าว.








อ่านข่าวที่เกี่ยงข้อง :