ผบช.ภ.9 แถลงข่าวรวบ “จ่าเบิร์ด” ยิงในผับ อ้างบันดาลโทสะหลังเขม่น

หมวดหมู่ : ตรัง, ทั่วไป,

อ่าน : 573
จ.ส.ต.เมาหนัก ก่อเหตุโหด จ่าเบิร์ด ผบช.ภ.9
ผบช.ภ.9 แถลงข่าวรวบ “จ่าเบิร์ด” ยิงในผับ อ้างบันดาลโทสะหลังเขม่น

ตรัง-ผบช.ภ.9 บินด่วนลงแถลงข่าว “จ่าเบิร์ด” หลังดอดเข้ามอบตัวช่วงเช้า เบื้องต้นค้านประกันตัว เตรียมส่งฟ้องฝากขัง เจ้าตัวรับสารภาพอ้างบันดาลโทสะ และไม่ขอต่อสู้ใดๆ ส่วนที่นำปืน M 4 หลบหนีเพื่อป้องกันตัว หวั่นฝ่ายตรงข้ามจะตามทำร้าย ผบช.ภ.9 ลั่นคดีไม่มีมวยล้ม ขณะที่ตำรวจนำ“จ่าเบิร์ด” หนีสื่อไม่ให้บันทึกภาพ 


การแถลงข่าว จ.ส.ต.ชุติพนธ์ หรือจ่าเบิร์ด นาคแก้ว ผบ.หมู่ (ป) สภ.บ้านหนองเอื้อง ปฏิบัติหน้าที่ชุดศรีตรังที่ก่อคดียิงคนตายในผับ มีผู้เสียชีวิต 1 คน และบาดเจ็บ 2 คน มีขึ้นที่ห้องประชุม ศปก.บก.ภ.จว.ตรัง ชั้น 3 เมื่อเวลา14.30 น.วันที่ 26 ต.ค.65 พล.ต.ท.นันทเดช ย้อยนวล ผบช.ภ.9 พร้อมคณะเดินทางมาด้วยเฮลิคอปเตอร์ ร่วมกับพล.ต.ต.เชาลิต เลี้ยงสุพงศ์ ผบก.ภ.จว.ตรัง และนายตำรวจที่เกี่ยวข้อง ได้แถลงข่าว 


ก่อนการแถลงข่าวตำรวจ นำโดย พ.ต.ท.อนุสรณ์ ทองไสย รอง ผกก.กก.สส.ภ.จว.ตรัง พ.ต.ต.ขวัญเจริญ ไกรทอง สว.กก.สส.ภ.จว.ตรัง พ.ต.ต.วสันต์ บรรลือพืชสว.สส.สภ.เมืองตรัง พ.ต.ต.สวรรยา เอียดตรง สว.กก.6 บก.ป. และ จนท.สส.สภ.เมืองตรัง จนท.ตร.กก.6 บก.ป. และจนท.กก.สส.3 บก.สส.ภ.9 ได้ร่วมกันรับมอบตัว จ.ส.ต.ชุติพนธ์ หรือจ่าเบิร์ด นาคแก้ว ผบ.หมู่ (ป) สภ.บ้านหนองเอื้อง ปฏิบัติหน้าที่ชุดศรีตรัง ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดตรังที่ จ.375/2565 ลง 25 ต.ค.2565 ในความผิดฐาน “ฆ่าผู้อื่น พยายามฆ่าผู้อื่น ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดในเมือง หมู่บ้าน หรือที่ชุมนุมชน พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์และไม่มีเหตุอันสมควร” ที่บ้านพักตำรวจภูธรจังหวัดตรัง ภายใน ตำรวจภูธรจังหวัดตรัง ม.12 ต.โคกหล่อ อ.เมือง จ.ตรัง เมื่อช่วงเวลา 06.30 น. ที่ผ่านมา 


พล.ต.ท.นันทเดช กล่าวว่า สำหรับพฤติการณ์ ตามวันเวลาเกิดเหตุ จ.ส.ต.ชุติพนธ์ หรือจ่าเบิร์ด นาคแก้ว ได้ใช้อาวุธปืนพกสั้น ขนาด 9 มม. ยี่ห้อกล็อค 19 หมายเลขทะเบียน RTP 23380 ตราโล่ (อาวุธปืนของทางราชการ) ยิงเข้าใส่นายจิตรกร คงจันทร์ นายเอกพจน์ เพชรรัตน์ นายพิสิษฐ อภิวันทร์ภักดี เป็นเหตุให้นายจิตรกรฯ ถึงแก่ความตาย นายเอกพจน์ และนายพิสิษฐ ได้รับบาดเจ็บ หลังเกิดเหตุ จ.ส.ต.ชุติพนธ์หรือจ่าเบิร์ด ได้หลบหนีโดยใช้รถยนต์เป็นยานพาหนะ ส่วนอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ ถูกการ์ดของทางร้านตรวจยึดไว้ได้ โดย จ.ส.ต.ชุติพนธ์หรือจ่าเบิรด์ ได้หลบหนีกลับมาที่บ้านพักของตำรวจภูธรจังหวัดตรัง พร้อมกับนำอาวุธปืน M 4 และเสื้อเกราะ อ้างว่าเพื่อป้องกันตัวหวั่นความปลอดภัยจะถูกญาติของผู้เสียชีวิตตามมาทำอันตราย ก่อนหายตัวหลบหนีไปอยู่ภายในป่าใกล้ห่างจากบ้านพักไปประมาณ 1.5 กม. 1 วัน 1 คืน  


หลังจากนั้นในวันที่ 25 ต.ค.65 ช่วงดึก จ.ส.ต.ชุติพนธ์ หรือจ่าเบิร์ด ได้เดินทางกลับมาที่บ้านพักตำรวจภูธรจังหวัดตรัง เพื่อพบมารดา และต่อมามารดาได้ประสานกับญาติที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 8 เพื่อให้ประสานไปยัง พ.ต.ต.ขวัญเจริญ ไกรทอง สว.กก.สส.ภ.จว.ตรัง ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของ จ.ส.ต.ชุติพนธ์ เพื่อขอเข้ามอบตัว โดยนัดหมายมอบตัว ในช่วงเช้าของวันที่ 26 ต.ค.65 เค้นสอบถามรับสารภาพว่าได้ก่อเหตุจริง และได้นำตรวจยึดอาวุธปืนยาว M 4 และเครื่องกระสุนปืน พร้อมเสื้อเกราะกันกระสุนของทางราชการที่ตนซุกซ่อนไว้ตรงป่ากล้วยบริเวณหลังบ้านพักก่อนที่จะหลบหนีไปที่บ้านร้าง 


เบื้องต้นจากการสอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาโดยไม่มีเงื่อนไข และสำนึกผิดกับเหตุการณ์ที่กระทำลงไป ยอมจำนนต่อหลักฐาน และไม่ขอต่อสู้ใดๆ ในทางคดี ส่วนสาเหตุผู้ต้องหาให้การว่าได้ออกไปสูบบุหรี่ข้างนอก ก่อนจะเดินเข้ากลับมา และได้ไปแตะโดนโต๊ะของผู้ตายจนทำให้มีปากเสียง ทะเลาะวิวาทกัน และมีการผลักตัวกัน จนทำให้เกิดบันดาลโทสะ ใช้ปืนที่พกติดตัวก่อเหตุดังกล่าวลงไป เบื้องต้นไม่ได้ให้ประกันตัว เตรียมรวบรวมพยานหลักฐานนำส่งฟ้องอัยการฝากขังตามระเบียบขั้นตอนกฏหมาย 


พล.ต.ท.นันทเดช กล่าวด้วยว่า ในประเด็นที่ว่าผู้ต้องหาอ้างว่าพกอาวุธปืนเข้าไปภายในร้านเพื่อปฎิบัติหน้าที่ติดตามตัวคนร้ายยาเสพติดนั้น ขณะนี้ยังคงไม่ลงลึกไปถึงขนาดนั้น แต่ทุกอย่างอยู่ในสำนวนคดีหมดแล้ว ขณะนี้ตนยังไม่ได้ดูกล้องวงจรปิดภายในร้านแต่อย่างใด แต่ก็ต้องเอาประกอบในสำนวนอยู่แล้ว และคดีนี้ให้เชื่อมั่นว่าทำอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีมวยล้มต้มคนดูแน่นอน ส่วนเพื่อนตำรวจอีกนายที่ไปด้วย ได้นำตัวไว้เป็นพยานเนื่องจากไม่ได้ร่วมในการก่อเหตุหรือหลบหนี เพราะหลังจากก่อเหตุแล้ว อยู่ในช่วงชุลมุน ต่างคนต่างวิ่งหนี เพราะมารถยนต์คนละคันกัน 


ส่วนเรื่องจากช่วยเหลือผู้เสียชีวิตก็จะทำไปตามธรรมเนียมปฎิบัติ ในเรื่องนี้ทางตำรวจเสียใจเป็นอย่างมากเนื่องจากตำรวจต้องดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน แต่มาเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ หลังจากนี้หากมีการก่อเหตุใช้อาวุธปืนภายในร้านอาหาร ผู้ที่จะต้องรับผิดชอบนอกจากตัวผู้ก่อเหตุคือ ผกก. เจ้าของพื้นที่ โดยจะดำเนินการทางวินัยและตั้งคณะกรรมการสอบสวน เน้นมาตรการจะต้องเข้มข้นมากกว่าเดิมในการปฏิบัติ ในการใช้อาวุธปืนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่มีการแถลงข่าว ทางบรรดาญาติของผู้เสียชีวิต ได้เดินทางมาที่กองบังคับการตำรวจภูธร จ.ตรัง กว่า 50 ชีวิต เพื่อมาเฝ้าดูและขอพบทาง ผบช.ภ. 9 ด้วย ก่อนที่ทางเจ้าหน้าที่ให้ตัวแทนญาติของผู้เสียชีวิตเดินทางเข้าไปพบและพูดคุยโดยที่งดให้สื่อเข้าบันทึกภาพ กลุ่มญาติๆ พอใจก่อนสลายตัวกลับไป ขณะที่ตัวของ “จ่าเบิร์ด” ได้ถูกควบคุมตัวอยู่ในห้องชั้น 2 โดยที่กันไม่ให้ผู้สื่อข่าวเข้าใกล้หรือบันทึกภาพ โดยมีตำรวจชุดปฏิบัติการพิเศษศรีตรัง (S.W.A.T) พร้อมอาวุธครบมือเฝ้าปิดกั้นหน้าห้องและทางเดินกว่า 10 นาย ทั้งนี้ในระหว่างที่มีการนำตัว “จ่าเบิร์ด” เดินทางมาจาก กก.สส.ภ.จว.ตรัง ตำรวจได้นำตัวหลบหนีผู้สื่อข่าวไม่ให้บันทึกภาพและสอบถามใดๆ.