ผวจ.พัทลุงเผยคดีทุจริตสหกรณ์ ตร. น่าจะร่วมกันหลายฝ่าย
หมวดหมู่ : พัทลุง, ทั่วไป,
โฟสเมื่อ : 4 เม.ย. 2565, 13:30 น. อ่าน : 909พัทลุง-ผู้ว่าฯพัทลุงเชื่อมือการคลี่คลายคดีการทุจริตสหกรณ์ตำรวจของ “ บิ๊กโจ๊ก “ และทีมงานที่จะนำกลุ่มผู้ต้องหามาลงโทษตามกฎหมายได้เหมือนกับคดีการลักรังนกอีแอ่น
กรณีการทุจริตในสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจพัทลุง จำกัด มีมูลค่าไม่น้อยกว่า 1,450 ล้านบาท โดยพล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผช.ผบ.ตร. ที่เจ้ามาคุมคดี ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.ไพโรจน์ กุจิระพันธ์ ผบก.อธ. ระดมพนักงานสอบสวนของ สตช. ภาค 9 และ ตร.ภ.จว.พัทลุง จนนำไปสู่การรวบรวมพยานหลักฐาน เอกสาร การฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายทางคดีแพ่งในปี 2563-2564 ประมาณ 30-50 ล้านบาท ต่อกลุ่มผู้กระทำความผิดที่เป็นอดีตผู้จัดการ พนักงาน 8 คน รวมทั้งการเตรียมออกหมายจับกลุ่มผู้ต้องหาในคดีอาญาในต้นเดือนเมษายน 2565 อีกหลายคน ด้าน ผบ.ตร.ได้มอบหมายและสั่งการให้ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายดำเนินการตามกฎหมายกับผู้กระทำความผิดอย่างเฉียบขาด ตามข่าวที่เสนอมาต่อเนื่องนั้น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายกู้เกียรติ วงศ์กระพันธุ์ ผวจ.พัทลุง เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้นายสวัสดิ์ อ่อนประชูสหกรณ์จังหวัดพัทลุง เข้าไปร่วมในการคลี่คลายในคดีดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง สำหรับตนนั้นเมื่อทาง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์หักพาล ผช.ผบ.ตร. เข้ามาควบคุมดูแลในการคลี่คลายคดีดังกล่าวร่วมกับตำรวจ ภาค 9 และ ตำรวจชุดสืบสวนภ.จว.พัทลุง ตนรู้สึกหมดห่วงไปทันที และมั่นใจว่าจะสามารถนำกลุ่มผู้กระทำความผิดมาลงโทษตามกฎหมายได้เหมือนกับการคลี่คลายคดีการลักรังนกในพื้นที่เกาะสี่ เกาะห้า อ.ปากพะยูน ที่ผ่านมา และยังมั่นใจว่าตำรวจชุดดังกล่าวที่มีความรู้ ประสบการณ์ด้านการเงิน /บัญชี จะสามารถนำตัวกลุ่มผู้กระทำความผิดได้ทุกรายอย่างแน่นอน
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่มี จนท.รัฐบางรายที่เข้ามาตรวจสอบด้านการเงิน / บัญชี ของสหกรณ์ตำรวจฯ น่าจะรู้เห็นในการกระทำความผิดและอาจจะได้รับผลประโยชน์จากการทุจริตในครั้งนี้นั้นนายกู้เกียรติฯ กล่าวว่า ขรก.ดังกล่าวไม่น่าจะเข้าไปมีส่วนร่วมในการทุจริต แต่ความผิดพลาดจากการปฏิบัติหน้าที่ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้นั้น น่าจะมาจากการตรวจสอบงบดุลการเงิน/บัญชีที่ไม่ได้ตรวจเชิงลึก แต่หากการสืบสวนสอบสวนของตำรวจพบว่ามี ขรก.คนไหนมีการกระทำความผิด จะต้องถูกดำเนินการตามกฎหมายโดยไม่มีข้อยกเว้น
นายกู้เกียรติฯ กล่าวอีกว่า การทุจริตในสหกรณ์ตำรวจพัทลุงฯ น่าจะมีผู้ร่วมกันกระทำความผิดกันหลายฝ่ายและน่าจะมีกลุ่มบุคคลบางกลุ่มอยู่เบื้องหลังในการทุจริตด้วย การคลี่คลายคดีดังกล่าวจึงเป็นแนวทางที่ดีที่จะขจัดปัญหาการทุจริตในระบบสหกรณ์ให้หมดไป และขอฝากไปยังสมาชิกสหกรณ์ทั้งหลายว่าหากพบมีการกระทำความผิดขึ้นภายในสหกรณ์ฯก็จะต้องเข้าแจ้งความต่อตำรวจโดยทันที ไม่ควรปล่อยเวลาให้นานจนนำไปสู่การสร้างความเสียหายเป็นจำนวนมากในสหกรณ์เหมือนกับสหกรณ์ตำรวจฯ และจากกรณีการทุจริตในสหกรณ์ตำรวจฯนั้นจะมีการแจ้งความเอาผิดกับกลุ่มผู้กระทำความผิดของสหกรณ์ในจังหวัดพัทลุงอีก 2 – 3 แห่งด้วย เนื่องจากมีสมาชิกออกมาแฉข้อมูลการทุจริตหลังจากข่าวทุจริตในสหกรณ์ตำรวจฯข่าวโฉ่ขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่าการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานสอบสวนในสังกัด ภ.จว.พัทลุงนั้นน่าเห็นใจยิ่ง เพราะนอกจากจะต้องเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ในศูนย์ปฏิบัติการการคลี่คลายการทุจริตสหกรณ์ตำรวจพัทลุง ณ ห้องประชุมตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง ยังต้องทำหน้าที่ในงานประจำของแต่ละคนตามโรงพักต่างๆ จึงทำให้พนักงานสอบสวนเหล่านี้ต้องทำงานหนักมาอย่างต่อเนื่องโดยสาเหตุสำคัญมาจากการขาดแคลนของพนักงานสอบสวน พนักงานสอบสวนติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งปัญหาการขาดแคลนของพนักงานสอบสวนนั้นได้มีการเสนอปัญหาไปยัง สตช.แล้วแต่ในขณะนี้ยังไม่ได้รับการแก้ปัญหาดังกล่าวแต่อย่างใด ข่าวคืบหน้าจะเสนอต่อไป.