“ผวจ.พัทลุง” ตะลึงเห็นตำตา บุกรุกที่ดินสาธารณประโยชน์

หมวดหมู่ : พัทลุง, ทั่วไป,

อ่าน : 3,160
“ผวจ.พัทลุง” ตะลึงเห็นตำตา บุกรุกที่ดินสาธารณประโยชน์

            ผวจ.พัทลุง บุกตรวจพื้นที่ตะลึงหงายหลัง เมื่อเห็นตำตาการบุกรุกที่ดินสาธารณประโยชน์โดยไม่หวั่นเกรงกฎหมายและอำนาจรัฐ พร้อมย้ำจะดำเนินการตามกฎหมายกับผู้บุกรุกทุกรายอย่างเฉียบขาด

            เมื่อวันที่ 23 พ.ค. 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้มอบหมายให้ พ.อ.พิชิต โชติแก้ว รอง ผอ.รมน.จ.พัทลุง และ จนท.หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจสอบเหตุชาวบ้านในท้องที่ ม.2, 4, 5, 7 ต.ชัยบุรี และท้องที่ ม.8, 11 ต.ลำปำ อ.เมืองพัทลุง ประมาณ 2,000 ครัวเรือน เข้าไปถือครองที่ดิน “ควนท่าสำเภาสาธารณประโยชน์ จำนวน 3,727 ไร่เศษ ซึ่งอยู่ในความดูแลของฝ่ายปกครองของกระทรวงมหาดไทย เพื่อสร้างเป็นที่ทำกินมากกว่า 3,500 ไร่ มานานกว่า 10 ปี อาทิ ทำนา ปลูกยางพารา ปาล์มน้ำมัน สวนมะพร้าว ปลูกพืชผัก และเลี้ยงสัตว์ ฯลฯ จนชาวบ้านมีหนังสือร้องเรียนไปยังแม่ทัพภาคที่ 4 และเรื่องนี้ นายกู้เกียรติ วงศ์กระพันธุ์ ผวจ.พัทลุง ทราบเรื่องถึงกับไม่พอใจ ที่ฝายปกครองพื้นที่ปล่อยปละละเลยจนบานปลาย จึงสั่งให้ตรวจสอบและเร่งดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด

            เมื่อช่วงเช้าวันที่ 23 พ.ค. 2563 นายกู้เกียรติ วงศ์กระพันธุ์ ผวจ.พัทลุง พร้อมด้วย จนท.กอ.รมน.จ.พัทลุง ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงในพื้นที่ดังกล่าว โดยไม่ได้แจ้งให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ได้รับทราบแต่อย่างใด ในการลงพื้นที่ในครั้งนี้ นายกู้เกียรติ ถึงกับตะลึงเมื่อพบว่ากลุ่มผู้บุกรุกกระทำการโดยไม่เกรงกลัวกฎหมายและอำนาจรัฐแต่อย่างใด อาทิ มีการถมคลองระบายน้ำเข้าไปในพื้นที่การบุกรุกหลายแห่ง เดินสายไฟฟ้าเข้าไปในแปลงที่บุกรุก ปักเสาล้อมแนวเขตที่มั่นคง ปรับพื้นที่ที่บุกรุกเป็นแปลงไร่นาสวนผสม และปลูกปาล์มน้ำมันกันหลายแปลง  บางแปลงที่รอการปรับสภาพพื้นที่ที่ยังเป็นพื้นที่ป่าพรุเสม็ดที่สมบูรณ์ โดยที่ฝ่ายปกครองในระดับท้องถิ่นไม่ได้เข้าไปแก้ปัญหาการบุกรุกในครั้งนี้ในระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมาแต่อย่างใด ทำให้นายกู้เกียรติแสดงอาการไม่พอใจเป็นอย่างมาก

            นายกู้เกียรติ เปิดเผยว่า ตนไม่ทราบเรื่องการบุกรุกในครั้งนี้มาก่อนเลย หลังจากที่ได้รับแจ้งจาก พ.อ.พิชิต โชติแก้ว รอง ผอ.รมน.จ.พัทลุง และเห็นข่าวจากสื่อต่างๆ จึงลงพื้นที่มาตรวจสอบข้อเท็จจริงในทันที ตนยอมรับไม่ได้กับการกระทำการดังกล่าว ดังนั้น ในวันจันทร์ที่ 25 พ.ค. 2563 นี้ จะเชิญปลัดจังหวัดพัทลุง จนท.กอ.รมน.จ.พัทลุง ฝ่ายปกครอง หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องต่างๆ มาร่วมประชุมที่ห้องทำงานบนศาลากลางจังหวัดฯ เพื่อร่วมกันกำหนดมาตรการตามกฎหมายกับกลุ่มผู้กระทำความผิดดังกล่าวต่อไป ส่วนจะเข้าแจ้งความเอาผิดกับกลุ่มบุคคลดังกล่าวโดยทันทีหรือไม่นั้น ต้องรอการพิจารณาร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 

            สิ่งที่ต้องดำเนินการในครั้งนี้ คือ ต้องนำที่ดินดังกล่าวมาเป็นของรัฐเพื่อประโยชน์ของรัฐในอนาคต โดยเฉพาะการก่อสร้างสนามบินพัทลุงนั้น เป็นเรื่องที่เหมาะสมที่สุด เนื่องจากที่ดินแปลงดังกล่าวมีความยาวมากกว่า 4.5 กิโลเมตร กว้างมากกว่า 1 กิโลเมตร และตั้งอยู่ริมทะเลสาบสงขลา ซึ่งผู้บุกรุกในครั้งนี้เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายที่ชัดเจน ส่วนผู้นำท้องถิ่นจะมีส่วนเกี่ยวข้องหรือเป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการกระทำความผิดหรือไม่นั้น ก็ต้องดำเนินการไปตามขั้นตอนและระเบียบกฎหมายต่อไป” นายกู้เกียรติ กล่าวย้ำ

            ผู้สื่อข่าวได้สอบถามชาวบ้านรายหนึ่งในพื้นที่ เปิดเผยว่า ขณะนี้ที่ดินที่ถูกบุกรุกมีการซื้อขายกันในราคา 1 หมื่นบาท/ไร่ โดยมีคนนอกพื้นที่ของ ต.ชัยบุรี ต.ลำปำ  มากว้านซื้อที่ดินเพื่อนำไปปลูกปาล์มน้ำมันประมาณรายละ 10 - 15  ไร่ ไปหลายรายแล้ว สำหรับการร้องเรียนของชาวบ้านในการบุกรุกที่ดินสาธารณประโยชน์ดังกล่าวไปยังหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องประมาณ 10 ปี แต่เรื่องที่ได้ร้องเรียนเงียบหายทุกที จนชาวบ้านได้ร่วมกันร้องเรียนถึง พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 เรื่องการบุกรุกจึงฉาวโฉ่เปิดโปงออกมา ต้องขอบคุณแม่ทัพภาคที่ 4 และ จนท.กอ.รมน.จ.พัทลุงที่เข้ามาแก้ปัญหาดังกล่าว และสิ่งแรกที่อยากเห็น คือ ให้กำลังทหารนำรถแบคโฮมาขุดถนนที่ชาวบ้านนำมาถมคลองระบายน้ำเพื่อเข้าไปบุกรุกในที่ดินสาธารณประโยชน์ประมาณ 4 จุดโดยทันที ส่วนอำนาจรัฐสามารถจัดการกับกลุ่มผู้บุกรุกในครั้งนี้ได้แค่ไหน เป็นสิ่งที่ชาวบ้านต้องเฝ้าจับตามอง และอยากเห็นความจริงใจของทางจังหวัดที่จะแก้ปัญหานี้อย่างเฉียบขาด.