ผู้การฯพัทลุงเผยรายชื่อผู้ต้องหาทุจริตเงินสหกรณ์ ตร. อยู่ในมือแล้ว
หมวดหมู่ : พัทลุง, ทั่วไป,
โฟสเมื่อ : 8 พ.ค. 2565, 22:16 น. อ่าน : 860พัทลุง-ผู้การฯพัทลุงยันรายชื่อกลุ่มผู้ต้องสงสัยอยู่ในมือแล้ว การพิจารณาการออกหมายจับทำได้ไม่ยากเนื่องจากเอกสาร หลักฐาน การทุจริต อยู่ในระบบการเงิน และการบัญชีแล้ว
ตำรวจทั่วประเทศและชาวภาคใต้เฝ้าติดตาม คดีการทุจริตโกงเงินในสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจพัทลุง จำกัดวงเงินไม่น้อยกว่า 1,450 ล้านบาท โดยเฉพาะการพิจารณาสำนวนการสอบสวน เอกสาร หลักฐานของ 3 ฝ่ายประกอบด้วย ตำรวจ จ.พัทลุง ตำรวจ สตช. และ ตำรวจภาค 9 น่าจะมีขึ้นหลังวันที่ 12 พฤษภาคม 2565 ในขณะที่ ผบช.ภ.9 ได้ส่งพนักงานสอบสวนมาช่วยงานสอบสวนแล้ว 2 นาย ด้านชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจแห่งชาติได้จัดการประชุมการขับเคลื่อนแผนฟื้นฟูสหกรณ์ฯ ร่วมกับหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง และเครือข่ายสหกรณ์ทั่วประเทศ ที่จ.ภูเก็ต ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าคดีนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกี่ยวกับการแก้ปัญหาด้านการเงินของสหกรณ์ฯนั้น จากข้อมูลของสหกรณ์จังหวัดพัทลุงพบว่าทางสำนักงานสหกรณ์จังหวัดพัทลุง ร่วมกับชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์แห่งประเทศไทยจำกัด โดย พลโท ดร.วีระ วงศ์สรรค์ ประธานกรรมการชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์แห่งประเทศไทย ในฐานะเจ้าหนี้รายใหญ่ได้ประชุมสร้างความเข้าใจแก่เจ้าหนี้ทุกราย เพื่อช่วยเหลือด้านสภาพคล่องของสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจพัทลุงจำกัด ที่เกิดขึ้นเป็นครั้งคราว เช่น การสำรองการถอนคืนเงินฝากของสมาชิก การชำระหนี้เจ้าหนี้ที่เป็นสถาบันการเงิน(ธนาคารออมสิน/ ธ.ก.ส.) โดยได้รับการสนับสนุนสินเชื่อในวงเงิน 300 ล้านบาทในเบื้องต้น ทำให้กิจการสหกรณ์สามารถเดินต่อเนื่องไปได้ตามปกติ
ส่วนปริมาณธุรกิจ (สินเชื่อ) ของสหกรณ์ฯที่ก่อให้เกิดรายได้ปัจจุบันมีประมาณ 1,900 ล้านบาทนั้น มาจากเงินทุนแหล่งภายนอกทั้งหมด (เจ้าหนี้เงินกู้ยืม) เนื่องจากสหกรณ์มียอดการทุจริตมากกว่าเงินทุนภายในที่มี โดยคาดว่าสหกรณ์จะมีกำไรตั้งแต่ปีการเงิน 2565 เป็นต้นไปไม่ต่ำกว่าปีละประมาณ 50 ล้านบาท
ด้าน พล.ต.ต.ตานิตย์ รามดิษฐ์ ผบก.ภ. จ.พัทลุง เปิดเผยว่า การพิจารณาการออกหมายจับกลุ่มผู้ต้องหาที่ประกอบด้วย 3 ฝ่าย ได้แก่ ตำรวจพัทลุง ตำรวจภาค 9 และตำรวจของ สตช. หลังจากการตรวจสอบเอกสารด้านการเงิน/บัญชีของ จนท.สำนักงานตรวจบัญชี ภาค 9 เสร็จสินลงนั้น มิได้เป็นเรื่องยากแต่อย่างใด เนื่องจากมีเอกสาร หลักฐาน การทุจริต อยู่ในระบบการเงิน และการบัญชีแล้ว การพิจารณาการออกหมายจับจะต้องมีการพิจารณาเป็นรายบุคคลอย่างเป็นธรรมและรอบคอบ ส่วนรายชื่อกลุ่มผู้ต้องสงสัยที่จะถูกออกหมายจับนั้นอยู่ในมือแล้ว ขอยืนยันว่าไม่มีใครที่จะให้การช่วยเหลือผู้กระทำความผิดได้ ส่วนการฟ้องร้องคดีจะต้องสรุปความเสียหายของสหกรณ์อย่างชัดเจน
สำหรับการฟ้องร้องต่อกลุ่มผู้กระทำความผิดในคดีอาญานั้นสามารถตรวจสอบได้ว่ามีเจตนาทุจริตหรือไม่โดยพิสูจน์ได้จากร่องรอยการกระทำความผิด ส่วนการฟ้องร้องทางแพ่งนั้นมาจากมีมูลความผิดจากการประมาทเล่นเล่อ เจตนาไม่กระทำตามข้อบังคับของสหกรณ์ฯ จึงมีความผิดในฐานระเบิดต่อองค์กร ตัวแทนของสหกรณ์ฯซึ่งเป็นนิติบุคคลจึงต้องมีความผิดจากสาเหตุสำคัญที่ทำให้สหกรณ์ฯได้รับความเสียหาย ส่วนใครจะถูกออกหมายจับน่าจะรู้กันในเร็วๆนี้
“ขอย้ำอีกว่ากลุ่มผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับจะถูกดำเนินคดีทั้งคดีอาญาและแพ่ง ในส่วนของคดีอาญานั้นสามารถต่อสู้ไปได้ตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม แต่ผู้ที่ถูกฟ้องคดีแพ่งนั้นจะถูกดำเนินคดีเรียกค่าเสียหายหรือยึดทรัพย์ทุกราย ส่วนจะมากน้องแค่ไหนขึ้นอยู่กับการพิจารณาของศาลจังหวัดพัทลุง คุณภาพชีวิตของกลุ่มผู้ต้องหาเหล่านี้รวมทั้งครอบครัวเป็นสิ่งที่น่าห่วงใย แต่กระบวนการยุติธรรมก็จำเป็นที่จะต้องดำเนินการไปตามกฎหมายโดยไม่มีการหลีกเลี่ยงได้” พล.ต.ต.ตานิตย์กล่าว ซึ่งข่าวคืบหน้าจะเสนอต่อไป.