ผู้การฯยะลา สั่งคุมเข้มชายแดนสกัดโควิด-19 จากฝั่งมาเลย์เข้าไทย

หมวดหมู่ : ยะลา,

อ่าน : 683
ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา สั่งคุมเข้มชายแดน มาเลเซียสั่งล็อกดาวน์
ผู้การฯยะลา สั่งคุมเข้มชายแดนสกัดโควิด-19 จากฝั่งมาเลย์เข้าไทย

ยะลา-ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา สั่งคุมเข้มชายแดน หลังมาเลเซียสั่งล็อกดาวน์ประเทศ 14 วัน ทั้งด่านถาวรและด่านธรรมชาติ ขณะที่ชาวยะลาทุกภาคส่วนร่วมใจปัองกันเชื้อโควิด-19 จากฝั่งมาเลเซียแพร่เข้าไทย                

        พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ ผบก.ภ.จ.ยะลา เปิดเผยถีง กรณีมาเลเซียประกาศล็อกดาวน์ประเทศ ช่วงวันที่ 1 -14 มิ.ย. คาดกันว่าจะมีการผลักดันกลุ่มแรงงานต่างด้าวบริเวณแนวชายแดนไทยมาเลเซีย รวมถึงคนไทยที่ต้องการกลับทั้งถูกกฎหมายและตามช่องทางธรรมชาติ โดยเฉพาะพื้น อ.เบตง และ อ.กาบัง จ.ยะลา ถือเป็นจุดล่อแหลมต่อการที่จะลักลอบเข้าประเทศ ได้กำชับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ให้เข้มงวดเพื่อป้องกันคนต่างด้าวลอบเข้าประเทศ รวมทั้งการเข้มงวดรถบรรทุกสินค้าที่ผ่านพรมแดน ให้มีการตรวจเข้มงวดมากยิ่งขึ้น โดยที่ด่านหลัก ตรวจรถขนสินค้า คนประจำรถเข้ม รวมทั้งใบผ่านการตรวจโควิด -19 ต้องมีแสดง กำหนดพื้นที่จอดลงของ ลงรถ ที่พัก เป็นสัดส่วนไม่ให้ปะปนกับคนไทย ขยะ ให้ใส่ถุงดำ นำกลับประเทศมาเลเซียไปด้วย         

        นอกจากนี้การไปจอดจุดใด จะมีการรายงานกันไทม์ไลน์ออกมา จนกระทั่งออกไปตามลำดับ เข้มงวดจริงจัง ไม่ปล่อยให้หลุดในทุกขั้นตอนของศุลกากร อสม.บริษัทที่เกี่ยวข้องกับสินค้า ซึ่งมาตรการต่างๆทางผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้กำชับมายังตำรวจภูธรจังหวัดยะลาให้ทุกหน่วยประสานการปฏิบัติโดยใกล้ชิด และหากมีการลักลอบเข้ามาถึงพื้นที่ตอนในแล้ว ทุกภาคส่วนในพื้นที่ทั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำท้องที่ผู้นำท้องถิ่น ตลอดจนพี่น้องประชาชนจะเป็นหูเป็นตาในการที่จะช่วยสอดส่องว่ามีคนแปลกหน้าเข้ามาอาศัยอยู่ในพื้นที่หรือไม่ ซึ่งทั้งหมดได้กำชับทุกหน่วยปฏิบัติในพื้นที่ของตำรวจภูธรจังหวัดยะลาให้ถือปฏิบัติตามข้อสั่งการอย่างเคร่งครัด ตั้งแต่เรื่องแนวชายแดนการประสานงานกับกำนันผู้ใหญ่บ้าน ท้องที่ท้องถิ่น การประสานความร่วมมือกับพี่น้องประชาชน                

         ทั้งนี้ จากสถิติที่ผ่านมาการลักลอบเดินทางเข้าเมืองผิดกฎหมายจากประเทศมาเลเซียนั้นมีจำนวนน้อยมาก โดยเฉพาะด่านฝั่งของ อ.เบตง จะมีความเข้มแข็งของพี่น้องประชาชนในการช่วยกันดูแล ส่วนฝั่งของอำเภอกาบัง จะเป็นพื้นที่ป่าเขาสูงชันซึ่งไม่เป็นที่นิยมที่หลบหนีเข้ามา แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยสภาพพื้นที่ของชายแดนจังหวัดยะลาค่อนข้างจะได้เปรียบกว่าจังหวัดอื่นและการตั้งด่านที่เข้มงวดของทุกหน่วย รวมทั้งพี่น้องประชาชนที่ช่วยกันดูในพื้นที่ โอกาสที่จะมีผู้ที่ลักลอบเดินทางเข้ามาก็จะมีน้อยประกอบกับประชาชนช่วยกันเป็นหูเป็นตาในการแจ้งเบาะแสและให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างมาก ซึ่งถือว่าเป็นปัญหาร่วมกันของทุกคนที่จะต้องช่วยกัน                                     

         "ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง ผู้นำท้องที่ ท้องถิ่น สาธารณสุข อสม.รวมถึงทุกคนที่เกี่ยวข้อง จะทำงานกันอย่างใกล้ชิดและร่วมมือกันอย่างเต็มที่ เพื่อไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 มาสู่พี่น้องประชาชนชาวจังหวัดยะลา" พล.ต.ต.ทินกรกล่าว.









อ่านข่าวที่เกี่ยงข้อง :