ผู้ต้องหาคดีทุจริตสหกรณ์ ตร. ร้องขอ ปปง.ถอนอายัดเงิน-ช่วยการศึกษาบุตร
หมวดหมู่ : พัทลุง, ทั่วไป,
โฟสเมื่อ : 15 มี.ค. 2566, 10:16 น. อ่าน : 535พัทลุง-คดีทุจริตโกงเงินสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจพัทลุง จำกัด ยังมีเรื่องสะเทือนใจตามมามากมาย ล่าสุด 1 ในผู้ต้องหาร้องผ่านผู้สื่อข่าว ขอความเป็นธรรมต่อตำรวจ และ ปปง.ขอให้ถอนอายัดเงินฝากในบัญชีธนาคาร เพื่อการศึกษาของลูกประมาณ 2 หมื่นบาทเศษ
คดีการทุจริตในสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจพัทลุง จำกัด ที่เป็นคดีมหากาพย์มีการทำกันเป็นขบวนการ เกิดความเสียหายประมาณ 1,500 ล้านบาท มีจับกุมกลุ่มผู้ต้องหา 27 ราย ยึดทรัพย์สินของกลุ่มผู้ต้องหาไว้แล้วประมาณ200 ล้านบาท ยื่นฟ้องคดีการฟอกเงินกลุ่มผู้ต้องหารายสำคัญไปแล้ว 10 ราย ในขณะที่ จนท.ปปง. และพนักงานสอบสวนได้เร่งสอบพยาน และรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อนำไปสู่การแจ้งข้อกล่าวหาแก่กลุ่มผู้ต้องหาเพิ่มเติมในความผิดอาญาฟอกเงิน และจะได้เร่งสรุปสำนวนส่งฟ้องอัยการศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 สงขลาต่อไป โดยจะมีผู้ต้องหาถูกดำเนินคดีทั้งหมด ในขณะที่สหกรณ์จังหวัดฯได้ส่งเจ้าหน้าที่อีก 2 คน รวม 5 คน เข้าไปจัดทำงบแสดงฐานะทางการเงินปี 2565 ของสหกรณ์ฯ เพื่อเร่งจ่ายปันผลแก่สมาชิกให้ได้เร็วที่สุด พร้อมทั้งปรับโครงสร้างหนี้ของสมาชิกกลุ่มเกษียณอายุราชการ ตามข่าวที่เสนอมาแล้วนั้น
ความคืบหน้าคดีดังกล่าว ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องทุกข์จากผู้ต้องหาที่เป็นตำรวจรายหนึ่งว่า ตนได้ให้ปากคำต่อ ปปง.และชุดสอบสวนของ สตช.ไปแล้วว่าตนไม่มีทรัพย์สินใดๆที่ได้มาจากการตกเป็นผู้ต้องหาในครั้งนี้ ขณะเดียวกันยังเป็นหนี้สหกรณ์ฯมากถึง 2.8 ล้านบาท บ้านพักที่เป็นของตนก็ยังไม่มี ทุกวันนี้ยังพักอยู่ในบ้านพักของตำรวจ เนื่องจากไม่มีทุนทรัพย์ที่จะไปซื้อที่ดินหรือซื้อบ้านเป็นของตนเอง ต้องขับ จยย.คันเก่าสภาพโทรมไปทำงานและนำมาใช้ในชีวิตประจำวันของตนและครอบครัว เรื่องนี้สามารถตรวจสอบทรัพย์สินจากหน่วยงานรัฐได้อย่างชัดเจน ส่วนชะตากรรมที่ตนเองต้องแบกรับและส่งผลกระทบต่อครอบครัวนั้น เพราะเชื่อมั่น เชื่อใจ ผู้ต้องหารายสำคัญคนหนึ่งที่นำเช็คมาให้ตนเซ็น โดยไม่คาดคิดมาก่อนก่อนว่าผู้ต้องหารายนี้จะมีใจคอที่โหดร้าย ใจดำ มากถึงขนาดนี้โทรศัพท์ไปหาเพื่อกราบวิงวอนขอให้ปากคำกับตำรวจตามความเป็นจริงก็ไม่รับสาย ซ้ำเมื่อพบหน้ากันก็ไม่พูดจาด้วย
ผู้ต้องหาคนดังกล่าว เปิดเผยอีกว่า ตนอยากขอวิงวอนให้ ปปง. และพนักงานสอบสวนได้ถอนอายัดบัญชีเงินสดของธนาคารแห่งหนึ่ง ซึ่งตนเก็บเงินและสะสมเงินไว้เพื่อการศึกษาของบุตรประมาณ 2 หมื่นบาทเศษ เงินก้อนดังกล่าวสามารถตรวจสอบเงินฝากสะสมในแต่ละเดือนได้ว่าตนได้นำไปฝากไว้ครั้งละเท่าไร เงินดังกล่าวไม่ได้มาจากเงินจากสหกรณ์ฯแม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้สภาพครอบครัวก็ย่ำแย่หนักในด้านค่าครองชีพและการศึกษาบุตร เปิดเทอมปีการศึกษา 2566 นี้ หากยังถูกอายัดบัญชีเงินสดเพื่อการศึกษาของบุตร ก็ไม่รู้ว่าจะเอาเงินที่ไหนไปเป็นค่าเล่าเรียนของบุตร เงินเดือนในแต่ละเดือนก็ถูกสหกรณ์ฯหักจนเกือบหหมดตัวแล้ว จึงขอความเห็นใจไปยัง ปปง. และพนักงานสอบสวนได้เมตตาถอนอายัดเงินเพื่อการศึกษาของบุตร ส่วนตนนั้นก็ต้องยอมรับในชะตากรรมที่เกิดขึ้นจากการเชื่อใจคน จากการปฏิบัติตามบทบาทหน้าที่ในสหกรณ์ฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางด้านกลุ่มตัวการใหญ่ที่อยู่เบื้องหลัง ซึ่งมีทั้งอดีตนายพล และอดีตรอง ผบก.และภรรยา เริ่มมีการเคลื่อนไหวติดต่อผู้ต้องหาบางคน และคนที่ไม่ถูกดำเนินคดีมิให้ซัดทอดไปถึงพวกตนโดยมีการเจราจาในทางลับที่จะช่วยเหลือดูแลกัน รวมทั้งครอบครัว และมีการข่มขู่บางรายด้วย หลังจากทาง ปปง.เข้ามาตรวจสอบ และสมาชิกสหกรณ์ต่างเรียกร้องให้มีการเปิดโปงถึงตัวการใหญ่ที่ยังลอยนวลอยู่ และเครือญาติที่รับเป็นนอมินีเก็บเงินไว้ เพื่อให้มีการดำเนินคดีถึงที่สุด ซึ่งข่าวคืบหน้าจะเสนอต่อไป.