ผู้ต้องหาคดียิงทหารพรานและตำรวจ เปิดฉากยิงเบิกทางจะหนี ปะทะถูกยิงดับ

หมวดหมู่ : ยะลา, ทั่วไป,

อ่าน : 638
โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 สน. เกิดการยิงต่อสู้กันขึ้น เป็นเหตุให้คนร้ายเสียชีวิต 1 ราย
ผู้ต้องหาคดียิงทหารพรานและตำรวจ เปิดฉากยิงเบิกทางจะหนี ปะทะถูกยิงดับ

ยะลา-ทหารพรานล้อมจับ ผู้ต้องหามีหมายจับคดียิงอาสาสมัครทหารและตำรวจเสียชีวิต ผู้ต้องหาหลบซ่อนในพุ่มไม้ ใช้ปืนเปิดฉากยิงใส่ฝ่ายทหารพราน 2 นัด เพื่อเปิดทางหลบหนี จึงเกิดการยิงต่อสู้กัน ปรากฏว่าผู้ต้องหาถูกกระสุนฝ่ายเจ้าหน้าที่เสียชีวิต 1 คน


พ.อ.เกียรติศักดิ์  ณีวงษ์ โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 สน. แถลงเหตุเจ้าหน้าที่สนธิกำลังเข้าบังคับใช้กฎหมาย ผู้ก่อเหตุรุนแรง หลังพบความเคลื่อนไหวในพื้นที่ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี เมื่อเช้าวันที่ 30 ส.ค.ที่ผ่านมา ว่า จนท.ทพ. 44 สนธิกำลัง3 ฝ่าย  ติดตามจับกุมบุคคลเป้าหมาย ที่ หมู่ 4 ต.ตะบิ้ง อ.สายบุรี จ.ปัตตานี จนกระทั่งเวลา 14.00  คนร้ายซึ่งหลบซ่อนอยู่บริเวณพุ่มไม้ได้เปิดฉากยิงใส่จำนวน 2 นัด เปิดทางหนี จึงเกิดการยิงต่อสู้กันขึ้น เป็นเหตุให้คนร้ายเสียชีวิต 1 ราย เจ้าหน้าที่ปลอดภัย 


ภายหลังเข้าตรวจสอบพบอาวุธปืนขนาด .38 ตกอยู่ 1 กระบอก ส่วนคนร้ายที่เสียชีวิตคือ นายสุกรี สาอิ อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 200 หมู่ 1 ต.ตะบิ้ง อ.สายบุรี  จ.ปัตตานี มีหมายจับ ป.วิอาญา จำนวน 2 หมาย จากเหตุร่วมกันยิง อส.ทพ.อภิสิทธิ์ มุกตาห์ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 8 ต.ค.2558 และเหตุยิง ด.ต.พิทักษ์ รัตนหิรัญ เสียชีวิตในพื้นที่ บ.ยางตาหยาด  ต.ตะลุบัน อ.สายบุรี จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 21 ก.ค.2560 


หลังเกิดเหตุ พล.ท.เกรียงไกร  ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 /ผอ.รมน.ภาค 4 ได้กล่าวแสดงความเสียใจต่อญาติผู้เสียชีวิต การปฏิบัติทุกขั้นตอนได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ให้ดำเนินการ ด้วยความระมัดระวังโดยใช้มาตรการจากเบาไปหาหนัก แต่คนร้ายได้เปิดฉากยิงใส่ก่อน จึงจำเป็นต้องตอบโต้ ทั้งนี้ขอให้พี่น้องประชาชนได้มีความมั่นใจในมาตรการการควบคุมพื้นที่และบังคับใช้กฎหมายของ กอ.รมน.ภาค 4 สน. ซึ่งได้ดำเนินการติดตามในทุกคดีที่เกิดขึ้นรวมทั้ง ขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่โทรเข้ามาแจ้งเบาะแสให้แม่ทัพภาคที่ 4 ทราบโดยตรง หากพบเห็นสิ่งผิดปกติ หรือบุคคลต้องสงสัยเข้ามาเคลื่อนไหวในพื้นที่ สามารถแจ้งได้ที่หมายเลขโทรศัพท์สายตรงแม่ทัพภาคที่ 4 หมายเลข 061 - 173 - 2999 หรือเบอร์สายด่วน 1341 และหน่วยเฉพาะกิจในพื้นที่ได้ตลอด 24 ชั่วโมง.