พระ-ชาวบ้าน ยอมรับข้อแนะนำ ผวจ.ทำเรื่องใหม่ขอรับพระลาก
หมวดหมู่ : นครศรีธรรมราช, ทั่วไป,
โฟสเมื่อ : 27 ก.ค. 2565, 17:30 น. อ่าน : 684นครศรีธรรมราช-นายก อบต.บางจากเดือดมั่นใจพระลาก เป็นของวัดมัชฌิมภูมิ 100% เดินหน้าเคลื่อนไหวทวงคืนต่อขณะที่ชาวบ้านฮึ่มไม่พอใจกรมศิลป์ยังยึกยักไม่ยอมคืนพระลากแม้หลักฐานชัดเจนถึง 95% แต่ทั้งพระและชาวบ้านยินดีทำตามที่ ผวจ.แนะนำให้ทำเรื่องใหม่ ขออัญเชิญไปประดิษฐานที่วัดให้คนสักการะ เพื่อให้ได้พระลากกลับคืนสู่วัด
กรณีพระและชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 1 ต.บางจาก อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ได้ออกมาเคลื่อนไหวทวงคืนพระลากซึ่งเป็นพระพุทธรูปโบราณที่ทำด้วยไม้ทั้งองค์ อายุกว่า 100 ปี กลับคืนสู่วัดมัชฌิมภูมิ หรือวัดเกาะหัวบ้าน หลังจากพระลากได้สูญหายไปจากวัดเมื่อปี2554และพบถูกนำไปทิ้งในคลองในลำคลองห้วย ชุมชนต้นหว้า หมู่ 6 ต.โพธิ์เสด็จอ.เมือง จ.นครศรีธรรมราชเมื่อปี2556 ก่อนถูกเชิญมาประดิษฐานไว้ที่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาตินครศรีธรรมราช ซึ่งต่อมาทางพระและชาวบ้านได้พยายามนำพยานหลักฐานที่มีอยู่ไปแสดงเพื่อทวงคืนพระลากเรื่อยมาหลายปีแต่ทางสำนักศิลปากรที่ 12ยังไม่สามารถส่งมอบพระลากกลับคืนวัดได้ เนื่องหลักฐานยังไม่ครบสมบูรณ์100% นั้น
ความคืบหน้าเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2565 นายบำรุง เลขจิตร นายก อบต.บางจาก อ.เมืองจ.นครศรีธรรมราช ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวถึงความคืบหน้าในการติดตามทวงคืนพระลากจากสำนักศิลปากรที่ 12 นครศรีธรรมราชว่า ตนได้เข้าร่วมประชุมกับทางจังหวัด หน่วยงานกรมศิลปากรและหน่วยงานต่างๆและหลายๆฝ่ายในการติดตามทวงคืนพระลากมาถึง 2 ครั้ง จนในที่สุดได้ข้อสรุปว่าทางกรมศิลปากรจะส่งมอบพระลากไม้ คืนให้กับทางวัดมัชฌิมภูมิ เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2565 ที่ผ่านมา แต่จู่ๆทางกรมศิลปากรได้อ้างคำสั่งของผวจ.นครศรีธรรมราช ว่ายังติดขัดเรื่องระเบียบข้อกฎหมายที่จะมารองรับการคืนพระลากให้ทางวัดมัชฌิมภูมิหรือวัดเกาะหัวบ้าน จึงยังไม่สามารถส่งคืนพระลากให้กับทางวัด จนสร้างความไม่พอใจให้พระและชาวบ้านในพื้นที่เป็นอย่างมาก เพราะชาวบ้านทุกคนต่างดีใจและเตรียมการรอรับการกลับมาวัดของพระลาก โดยเตรียมการจัดสถานที่ตู้กระจกและเตรียมจัดงานเฉลิมฉลองไว้พร้อมแล้ว ซึ่งตนได้ขอร้องห้ามปรามชาวบ้านขอให้ใจเย็นเพราะสักวันหนึ่งพระลากก็จะกลับมาวัดอย่างแน่นอน
นายบำรุงกล่าวอีกว่า ตนมั่นใจถึง100%เต็ม ว่าพระลากองค์นี้เป็นของมัชฌิมภูมิอย่างแน่นอนแบบไม่ต้องสงสัยเลย เพราะมีทั้งพยานหลักฐานยืนยันจำนวนมาก โดยมีพยานที่เป็นอดีตผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 1 ต.บางจาก ชื่อนายอาคมสุวรรณปากแพรก ซึ่งเป็นคนที่ดูแลพระลากองค์นี้มาโดยตลอด จะรู้ตำหนิและรูปพรรณของพระลากอย่างดี ทุกปีที่จะนำมาร่วมประเพณีชักพระของวัด ผู้ใหญ่บ้านคนนี้จะเป็นคนนำพระลากออกมาเช็ดทำความสะอาดทุกครั้ง รวมทั้งหลักฐานต่างๆจากรูปถ่ายก็ยืนยันชัดเจน ถ้าหากไม่ใช่พระลากของวัดมัชฌิมภูมิแล้ว พวกเราจะเคลื่อนไหวเอามาไว้ที่วัดกันทำไม ขอให้กรมศิลปากรเชื่อมั่นในความสัตย์จริงของพระและชาวบ้าน และเมื่อพระลากกลับมาวัดก็ไม่ได้สมบัติของใคร แต่เป็นสมบัติส่วนรวมของวัดที่เป็นศูนย์รวมใจจิตรใจของชาวบ้าน
นายก อบต.บางจาก กล่าวถึงข้อตกลงที่ทางกรมศิลปากรแจ้งก่อนจะส่งมอบคืนพระลากองค์นี้ห้ามบูรณะและห้ามสูญหายภายใน 1 ปี ตนต่อให้เป็น 5 ปี 10 ปี พระและชาวบ้านยอมรับได้ เพียงแต่ขอให้พระลากองค์นี้ได้กลับมาอยู่ที่วัดเหมือนเดิมก็พอใจแล้ว และมีการจัดงานประจำปีเฉลิมฉลองทุกปีไม่ต้องห่วง เพราะที่ผ่านมาก็ไม่มีวัดไหนมาอ้างความเป็นเจ้าของ นอกจากวัดมัชฌิมภูมิวัดเดียวเท่านั้น
“ส่วนประเด็นที่ทาง ผวจ.นครศรีธรรมราช แนะนำว่า หากทางวัดอยากจะได้พระลากองค์นี้มาประดิษฐานไว้ที่วัดจริงๆ เพื่อให้ชาวบ้านสักการะบูชา ทางวัดก็สามารถทำหนังสือแจ้งความประสงค์ใหม่ให้ทางจังหวัดและทางกรมศิลปากรขออัญเชิญพระลากองค์นี้มาประดิษฐานไว้ที่วัดนั้น ทางผม ชาวบ้านและพระของวัดยินดีปฏิบัติตาม เพียงแต่ขอให้พระลากได้กลับมาอยู่ที่วัดเหมือนเดิม” นายบำรุงกล่าว.