มาเลย์ส่งทหารตรึงชายแดน หลังห้ามผ่านช่องทางธรรมชาติ จับแล้ว 4 ราย
หมวดหมู่ : นราธิวาส, ทั่วไป,
โฟสเมื่อ : 11 ธ.ค. 2567, 18:00 น. อ่าน : 187นราธิวาส-มาเลย์ส่งทหารตรึงพรมแดนหลังประกาศใช้กฎเหล็ก ห้ามผ่านแดนช่องทางธรรมชาติ พบฝ่าฝืนทั้งคนไทยและมาเลย์ถูกรวบแล้ว 4 คน
รายงานข่าวความเคลื่อนไหว หลังจากที่ พล.ต.ท.ดาโต๊ะ มูฮัมหมัดยูโซฟ บินมามะ ผู้บัญชาการตำรวจรัฐกลันตันประเทศมาเลเซีย ได้แถลงการณ์การบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดสำหรับการเดินทางเข้าออก ระหว่างไทยกับมาเลเซียอย่างผิดกฎหมาย เมื่อวันที่ 18 พ.ย.67 ที่ผ่านมา ซึ่งเริ่มมีการกวดขันจับกุมในวันที่ 1 ธันวาคม 2567 ผู้ฝ่าฝืนจะต้องถูกจับกุมปรับเป็นเงินในวงเงินต่อรายคนละ 10,000 ริงกิต หรือเปรียบเงินไทย ประมาณ 77,607 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ นั้น
ล่าสุด จากการตระเวนตรวจสอบช่องทางข้ามธรรมชาติซึ่งเป็นจุดผ่อนปรน 6 ท่า คือ ชุมชนท่ากอไผ่ ชุมชนท่าโรงเลื่อย ชุมชนท่าชมพู ชุมชนท่าเจ๊ะกาเซ็ง ชุมชนท่าประปา และชุมชนท่าบือเร็ง พบว่า มีเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนประเทศมาเลเซีย หรือ Senoi Praaq ได้ถูกส่งตัวมาปฏิบัติหน้าที่ตามช่องทางข้ามธรรมชาติทั้ง 6 ช่องทางของเมือรันตูปันยัง รัฐกลันตัน ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับอำเภอสุไหงโก-ลก รวมทั้งได้มีการจัดส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบ ทำการลาดตระเวนในการตรวจสอบบุคคล ตามเส้นทางที่มุ่งหน้ามาจากช่องทางข้ามธรรมชาติ และพบว่าเมื่อวันที่ 9 ธ.ค.67 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนประเทศมาเลเซีย ได้มีการจับกุมผู้ฝ่าฝืน จำนวน 4 คน เป็นชาวมาเลเซีย 2 คน และคนไทย 2 คน อายุระหว่าง 35 ปี ถึง 40 ปี ซึ่งถือว่าเป็นคนกลุ่มแรกหลังจากประเทศมาเลเซียออกกฎเหล็กนี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังอยู่ในระหว่างการควบคุมตัว เพื่อดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติม ถึงแรงจูงใจในการข้ามแม่น้ำอย่างผิดกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง
ส่วนช่องทางข้ามธรรมชาติซึ่งเป็นจุดผ่อนปรน 6 ช่องทาง ด้านอำเภอสุไหงโก-ลก และฝั่งตรงข้ามของเมืองรันตูปันยัง รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย โดยทั้ง 2 ฟากฝั่ง ยังมีการเปิดบริการเรือโดยสารรับจ้างตามปกติ ในช่วง 3 เวลาคือ ช่วงที่ 1.เวลา 06.00 น. ถึง 09.00 น. ช่วงที่ 2. เวลา 11.00 น. ถึง 14.00 น. และช่วงที่ 3. เวลา 17.00 น. ถึง 02.00 น. ซึ่งเจ้าหน้าที่ขับเรือโดยสารรับจ้างทั้ง 2 ฟากฝั่ง ไม่รับประกันถึงความปลอดภัย ที่สุ่มเสี่ยงและอาจจะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดนอกเครื่องแบบของประเทศมาเลเซียจับกุม จนบรรยากาศที่มีประชาชนทั้ง 2 ฟากฝั่งใช้บริการเรือโดยสารรับจ้างต้องซบเซาเงียบเหงาไปโดยปริยาย
นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวยังได้ถือโอกาสสอบถาม คนไทยที่ยึดอาชีพขับเรือโดยสารรับจ้างข้ามฟาก ถึงกรณีคนไทยซึ่งเป็นนักเรียนที่เดินทางข้ามไปเรียนหนังสือในประเทศมาเลเซีย นั้น ทราบว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนประเทศมาเลเซีย ได้มีการอนุโลมเดินทางข้ามแดนไปเรียนหนังสือได้เป็นกรณีพิเศษ แต่นักเรียนบางส่วนผู้ปกครองได้ส่งข้ามแดนไปเรียนหนังสือ โดยผ่านด่านพรมแดน อ.สุไหงโก-ลก ซึ่งมีการประทับตราเดินทางเข้าออกถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งผู้ปกครองของนักเรียนกลุ่มนี้ ไม่มีความมั่นใจต่อการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจตระเวนชายแดนปนะเทศมาเลเซีย ที่ผู้บังคับบัญชาระดับสูงเกิดเข้มงวดเหมือนประชาชนทั่วไป อาจจะถูกจับกุมได้ในวันใดวันหนึ่ง
ด้าน นายสูไฮมิง โต๊ะรายอ ซึ่งยึดอาชีพขับรถจักรยานยนต์รับจ้าง ที่ช่องทางข้ามชุมชนท่าโรงเลื่อย กล่าวว่า วิถีชีวิตตอนนี้คือรายได้ที่เคยมีหายหมดเลย ปกติคนที่นี่ส่วนมากจะเดินทางมาซื้อของก็ขึ้นวินซื้อของกลับไปมา คนในพื้นที่พอปิดแบบนี้คือลำบากเลยประชาชนชาวบ้านริมคลองแบบนี้คือไม่สามารถทำงานได้ ส่วนมากคนมาเลเซียมาเที่ยวบ้านเราเพื่อซื้ออาหารของกิน บางครั้งก็เช่าโรงแรมเมื่อเสร็จก็กลับไป เมื่อปิดแบบนี้คือยากเลยครับ เศรษฐกิจบ้านเราส่วนมากจะเป็นร้านอาหารร้านค้าวินมอเตอร์ไซด์มีผลกระทบหมดเลย ต้องการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมาแก้ไขเรื่องการเปิดท่าให้กลับมาเหมือนเดิม อยากให้เศรษฐกิจเมืองสุไหงโก-ลกดีขึ้นเหมือนก่อน ถ้าปิดแบบนี้เศรษฐกิจสุไหงโก-ลก แย่เลยครับ.