มูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท สานต่อความสำเร็จ “โครงการพัฒนาอาชีพตำบลปากรอ”
หมวดหมู่ : ภาพข่าวสังคม, สงขลา, ทั่วไป,
โฟสเมื่อ : 17 มิ.ย. 2565, 17:00 น. อ่าน : 721 สงขลา - เครือเจริญโภคภัณฑ์ และ มูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท
สานต่อความสำเร็จ “โครงการพัฒนาอาชีพตำบลปากรอ อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา”
ด้วยการนำ “ศาสตร์พระราชา” พัฒนาสู่ “สงขลาโมเดล”
เพื่อขับเคลื่อนการดำรงชีวิตตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง เน้นการลดรายจ่าย สร้างรายได้
ส่งเสริมการออม ใช้ทรัพยากรอย่างมีคุณค่า
ควบคู่ไปกับการฟื้นฟูอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
สร้างชุมชนเข็มแข็งและยั่งยืน
นายจอมกิตติ ศิริกุล
รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านพัฒนาความยั่งยืนภาครัฐและกิจการสัมพันธ์
เครือเจริญโภคภัณฑ์ และ ผู้ช่วยบริหาร สำนักประธานคณะกรรมการบริหาร บมจ. เจริญโภคภัณฑ์อาหาร หรือซีพีเอฟ
ในฐานะกรรมการมูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท เปิดเผยว่า โครงการพัฒนาอาชีพตำบลปากรอ อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา
เกิดจากดำริของ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ที่ต้องการแก้ปัญหาความยากจน
เนื่องจากตำบลปากรอ มีสภาพพื้นที่ติดทะเลสาบสงขลา เกษตรกรประกอบอาชีพประมง
มีพื้นที่ทำนาบางส่วน
และอยู่ห่างจากอำเภอหาดใหญ่ซึ่งเป็นแหล่งเศรษฐกิจและท่องเที่ยวสำคัญของภาคใต้
ส่งผลให้ราษฎรในพื้นที่ยากจนที่สุดในจังหวัด จึงให้ภาคราชการเป็นตัวหลักในโครงการพัฒนาด้านต่างๆ
และระดมความร่วมมือจากภาคประชาชนและองค์กรเอกชน ดำเนินการตามแนวทาง
“เศรษฐกิจพอเพียง”
“มูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท
ได้ร่วมเป็นคณะกรรมการการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพตำบลปากรอ จังหวัดสงขลา
เพื่อเป็นต้นแบบของการพัฒนาชุมชนที่มีภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วม และเป็นตัวอย่างในภาคใต้ตอนล่าง เน้น 3
แนวทางการพัฒนา อาชีพ การศึกษา และสุขภาพอนามัย โดยเฉพาะการส่งเสริมอาชีพที่หลากหลายให้สอดคล้องกับภูมิสังคม
เกิดเป็นอาชีพทดแทนการทำประมงในทะเลสาบสงขลา
ควบคู่กับการฟื้นฟูอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อระบบนิเวศที่ยั่งยืน
พร้อมขับเคลื่อนการดำรงชีวิตตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง เน้นลดรายจ่าย สร้างรายได้
ส่งเสริมการออม และใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า” นายจอมกิตติ กล่าว
การดำเนินงานเริ่มจากการตั้งคณะทำงานระดับชุมชน
เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาตำบล โดยเชื่อมโยงกับแผนพัฒนาจังหวัด
พร้อมทั้งวางแผนพัฒนาอย่างมีส่วนร่วมจากทุกภาคีเครือข่าย ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน
สถาบันการศึกษา มีองค์กรท้องถิ่นและชาวชุมชนร่วมกันขับเคลื่อน
พร้อมสร้างกระบวนการเรียนรู้ สนับสนุนปัจจัยการผลิต ยกระดับคุณภาพชีวิต
ควบคู่กับการพัฒนากลุ่มในรูปแบบวิสาหกิจชุมชน เพื่อการพึ่งพาตนเอง
โดยชุมชนเพื่อชุมชน ปัจจุบันโครงการปากรอฯ มีการดำเนินกิจกรรมที่หลากหลาย ทั้งตลาดชุมชนออนไลน์ วิสาหกิจชุมชน
การแปรรูปผลิตภัณฑ์ การท่องเที่ยวชุมชน เยาวชนมัคคุเทศก์น้อย ผู้สูงอายุปันสุขบ้านน่าอยู่
ปลูกไม้เศรษฐกิจ ปลูกป่าชายเลน ปุ๋ยชีวภาพชุมชน และเดิน-วิ่งเพื่อสุขภาพ
สู่การเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ พึ่งพาตนเอง มีความเข้มแข็ง และสุขพอเพียง
“โครงการปากรอฯ มุ่งเน้นการนำ “ศาสตร์พระราชา สู่สงขลาโมเดล” มาดำเนินการอย่าง ด้วยเป้าหมาย “สร้าง 4 ดี” คือ 1.คนดี ทั้ง เยาวชน เกษตรกรและผู้สูงอายุ 2.พลเมืองดี ด้วยการจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ การทำจิตอาสาพระราชทาน และขับเคลื่อนคุณค่าทางสังคม 3.อาชีพดี ด้วยการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน ขับเคลื่อนตลาดชุมชนและออนไลน์ พร้อมส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชน และ 4.สิ่งแวดล้อมดี ด้วยการสร้างฟาร์มทะเลชุมชน การปลูกไผ่ และผลิตปุ๋ยไส้เดือนชุมชน โดยการสร้างต้นแบบกลุ่มอาชีพในแต่ละด้าน ด้านละ 50 คน เพื่อสร้างชุมชนที่เข้มแข็งและพึ่งพาตนเองได้ สะท้อนการตอบแทนคุณแผ่นดิน” นายจอมกิตติ กล่าว
สำหรับการสร้างกลุ่มอาชีพ 5 กลุ่ม ประกอบด้วย 1.กลุ่มตาลโตนด
จำนวนเกษตรกร 50 ราย
เกษตรกรได้รับการพัฒนาบุคลิกภาพชีวิตโดยน้อมนำศาสตร์พระราชามาปรับใช้ 2.กลุ่มทำนาข้าวอินทรีย์ เกษตรกร 50 ราย
สามารถลดต้นทุนการผลิตและยกระดับสู่การทำนาอินทรีย์ 3.กลุ่มเลี้ยงสัตว์น้ำ
เกษตรกร 50 ราย ผลิตเพื่อบริโภคเองในครัวเรื่อนและจำหน่ายในชุมชน 4.กลุ่มเกษตรผสมผสาน
เกษตรกร 40 ราย ปลูกพืชที่หลากหลายทั้งไม้ผล พืชผัก และเลี้ยงสัตว์ 5.กลุ่มแปรรูปผลผลิตการเกษตร เกษตรกร 50 ราย
สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มผลิตภัณฑ์การเกษตร โดยมี 4 แนวทางการขับเคลื่อนโครงการอาชีพ
ได้แก่ 1.รับสมัครเกษตรกรเข้าร่วมโครงการ 2.สร้างกระบวนการเรียนรู้และเกษตรกรร่วมวางแผนการพัฒนาตนเองตามแนวทางเศรฐกิจพอเพียง
3.ดำเนินการพัฒนาตามแผนงานที่กำหนดไว้ ได้แก่ การจัดการด้านการผลิต
ด้านการพัฒนาลดรายจ่าย/ลดต้นทุนการผลิต การจัดการด้านการตลาด ครการแปรรูป
การบันทึกข้อมูลบัญชีครัวเรือน และ 4.การสนับสนุนปัจจัยการผลิตและการแปรรูป.