ม.นราฯ สกัดสารจาก “น้ำผึ้งชัน” ต้านมะเร็งและอัลไซเมอร์แห่งแรกในโลก
หมวดหมู่ : นราธิวาส, ทั่วไป, การศึกษา,
โฟสเมื่อ : 8 ก.ค. 2567, 12:57 น. อ่าน : 305 นราธิวาส - คนไทยเตรียมเฮ มหาลัยนราฯ สกัดสารจากน้ำผึ้งชัน
โรงบรรจุแคปซูลต้านมะเร็งและอัลไซเมอร์แห่งแรกในโลก
ปัจจุบัน “ชันโรง”
หรือ ผึ้งจิ๋ว ภาษามาลายูเรียกว่า กือลูโล๊ะ ที่เป็นแมลงตัวเล็กๆ คล้ายผึ้งหลวงที่ไม่มีเหล็กในอาหารสุดโปรดจะเป็นเกสรดอกไม้ทุกชนิด
ทำให้น้ำผึ้งที่ได้จากชันโรงจึงมีการผสมผสานจากดอกไม้นานาพันธุ์
รวมไปถึงน้ำหวานจากพืชสมุนไพร
ทำให้น้ำผึ้งที่ได้จากชันโรงจะมีคุณภาพสูงมีกลิ่นหอมรสชาดอร่อยหวานอมเปรี้ยว
ที่ผ่านกระบวนการปรุงแต่งรสชาดจากตามธรรมชาติ และน้ำผึ้งชันโรง
เป็นที่ยอมรับว่ามีคุณค่าทางอาหารและสรรพคุณทางยา
ในการยับยั้งและบรรเทาอาการโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ได้
ผศ.ดร.ธนเสฏฐ์
ทองใสเกลี้ยง อาจารย์คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์
ในฐานะหัวหน้าโครงการคณะเกษตร
ที่ได้งบประมาณการวิจัยจากหน่วยบริหารจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่
จากกระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม ได้นำคณะเจ้าหน้าที่วิจัยจากหน่วยบริหารจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่
ติดตามความคืบหน้าในการวิจัยผลจากสกัดสารจากน้ำผึ้งชันโรง ณ
ห้องประชุมมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ อ.เมือง จ.นราธิวาส
ก่อนลงพื้นที่จริงที่ วิสาหกิจชุมชนฟาร์มชันโรงพรุโต๊ะแดง ม.2 ต.ปูโยะ
อ.สุไหงโก-ลกจ.นราธิวาส ซึ่งตั้งอยู่ภายในสถาบันศึกษาปอเนาะฮายาตุซซอฮาบะห์
ก้าวแรกที่ได้เดินเข้าไปในสถาบันปอเนาะแห่งนี้
เราจะพบกับตอไม้นาๆ ชนิด
ที่ด้านบนของตอไม้จะเป็นถาดไม้ทรงสี่เหลี่ยมและมีกระเบื้องหลังคาปิดทับด้านบนไว้อีกชั้นหนึ่ง
วางเรียงรายในบริเวณที่ร่ม ซึ่งบรรยากาศเต็มไปด้วยความเขียวขจีและร่มรื่น
และที่บริเวณตอไม้ต่างๆ จะมีลักษณะเหมือนกับมีช่องหรือรูเล็กๆ ที่มีตัวชันโรงหรือผึ้งจิ๋ว
จำนวนหนึ่งบินหรือตอมอยู่ที่บริเวณดังกล่าว เมื่อสอบถามจึงทราบว่า
เป็นรังหรือบ้านของตัวชันโรง หรือผึ้งจิ๋วอาศัยอยู่ ซึ่งมีจำนวน 150 ลัง
จากการสอบถาม นายสุดิรมัน สาแม็ง ผู้ดูแลฟาร์มชันโรงพรุโต๊ะแดง ทราบว่า ฟาร์มชันโรงหรือผึ้งจิ๋วแห่งนี้ ได้ริเริ่มทำฟาร์มชันโรง หรือผึ้งจิ๋ว มาเป็นเวลานานกว่า 7 ปี เริ่มแรกเดิมทีพบว่าน้ำหวานหรือน้ำผึ้งจากชันโรงมีราคาแพงและแถวบริเวณบ้านที่พักอาศัยโดยรอบ เป็นพื้นที่ติดต่อกับแนวเขตของป่าพรุโต๊ะแดง ซึ่งจะพบเห็นชันโรงหรือผึ้งจิ๋วบินหาอาหาร เมื่อเป็นเช่นนี้ถือว่าธรรมชาติเอื้ออำนวย จึงได้ปรึกษากับสมาชิกในครอบครัวลงทุนเงินก้อนหนึ่ง เพื่อสร้างเป็นฟาร์มชันโรงขึ้น ด้วยการศึกษาสายพันธุ์ของชันโรงว่ามีสายพันธุ์อะไรบ้าง
ต่อมาจึงได้ตระเวนซื้อหาชันโรงจากชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในบริเวณ
ต.ปูโยะ ที่ชันโรงได้พากันมาทำรังที่ต้นไม้ของชาวบ้าน
ซึ่งในจุดนี้ถือว่าทำให้ชาวบ้านมีรายได้ด้วย โดยรับซื้อในราคาท่อนหรือตอละ ประมาณ
200 บาทขึ้นไปขึ้นอยู่กับชันโรงว่าไปทำรังที่ต้นไม้หรือท่อนไม้หรือตอไม้เนื้อแข็งหรือเนื้ออ่อน
ถ้าไม้เนื้อแข็งจะมีราคาที่รับซื้อแพงกว่า
จากนั้นเมื่อได้ชันโรง
หรือผึ้งจิ๋วที่รับซื้อจากชาวบ้านแล้ว ก็จะแยกเป็นสายพันธุ์ต่างๆ
นำไปเรียงไว้ใต้ร่มไม้ใหญ่ ซึ่งสายพันธุ์ที่เลี้ยงไว้ในขณะนี้เป็นสายพันธุ์อิตาม่า
โตราซิก้า และอาพิคาลิส โดยเฉพาะสายพันธุ์อิตาม่า
จะให้น้ำหวานหรือน้ำผึ้งที่มากกว่าสายพันธุ์อื่นๆ
ซึ่งปัจจุบันฟาร์มชันโรงพรุโต๊ะแดง ได้ขยายกิจการไปเลี้ยงชันโรง หรือผึ้งจิ๋ว
ในพื้นที่ อ.สายบุรี อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี ซึ่งมี 3 สาขาด้วยกัน
ประเด็นสำคัญการเก็บเกี่ยวผลผลิตจากชันโรง
หรือ ผึ้งจิ๋ว หัวใจสำคัญคือในช่วงการเปิดถาดหรือรังในการเก็บน้ำหวาน หรือ น้ำผึ้ง
เราต้องเก็บน้ำหวานในถ้วยที่ชันโรงสร้างไว้ในถาด หรือ ในแต่ละรัง
ให้หมดหรือเกลี้ยงสนิท มิเช่นนั้นหากน้ำหวานหรือน้ำผึ้งตกค้าง ชันโรงหรือผึ้งจิ๋ว
จะไม่นำน้ำหวานจากเกสรดอกไม้ที่ไปตระเวนดูดจากดอกไม้ชนิดต่างๆ มาวางใส่ไว้ในถ้วย
แต่ชันโรงจะสร้างถ้วยขึ้นมาใหม่
ซึ่งถือว่าเสียรายได้และโอกาสที่เราต้องรอชันโรงหรือผึ้งจิ๋ว สร้างถ้วยขึ้นมาใหม่
แทนที่จะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ด้าน นายสุดิรมัน
ผู้ดูแลฟาร์มชันโรงพรุโต๊ะแดง ยังได้กล่าวเพิ่มเติมอีกด้วยว่า
ตนตัดสินใจหันมาเลี้ยงชันโรง หรือ ผึ้งจิ๋ว
ถือว่าเป็นอาชีพหนึ่งที่สามารถสร้างรายได้เป็นอย่างดี
มีผู้บริโภคจากทั่วสารทิศสั่งชื้อสินค้าไม่ขาดสาย อาทิ เชียงใหม่ นครราชสีมา
ประจวบคีรีขันธ์ และนครศรีธรรมราช เป็นต้น
แถมยังมีผู้บริโภคจากประเทศมาเลเซียก็สั่งชื้อเช่นกัน เนื่องจากฟาร์มชันโรง
หรือผึ้งจิ๋ว ของเราทั้ง 3 สาขา
ในช่วงเดือนกันยายนถึงธันวาคมของทุกปีน้ำผึ้งชันโรงจะมีสีเขียวมรกต
หรือชาวบ้านเรียกกันทั่วไปว่าน้ำผึ้งมรกต
ซึ่งได้มาจากน้ำหวานจากดอกเสม็ดที่เบ่งบานในบริเวณป่าพรุ มีคุณค่าทางอาหารแล้วยังมีสรรพคุณทางยา
จึงเป็นที่มาที่ไปทางมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์นำน้ำผึ้งชันโรงในฟาร์มไปวิจัยสกัดสารป้องกันรักษาช่วยยับยั้งรักษาหรืออาการของโรคมะเร็งและเซลล์อัลไซเมอร์ดังกล่าว
ผู้บริโภคท่านใดสนใจลิ้มลองน้ำผึ้งชันโรง
ที่มีกลิ่นหอมรสชาติหวานอมเปรี้ยว
รับประกันจะถูกใจอย่างแน่นอนโดยจำหน่ายบรรจุแบบขวดมีทั้งปลีกและส่ง
โดยขวดขนาดบรรจุ 270 กรัม จำหน่ายปลีกในราคาขวดละ 350 บาทส่งราคาขวดละ 250 บาท
และขวดบรรจุขนาด 750 กรัม จำหน่ายปลีกในราคาขวดละ 1,200 บาท ส่งราคาขวดละ 800 บาท
และหากมีการสั่งซื้อเป็นจำนวนมากเราก็จะลดราคาให้อีก
ผู้สนใจสามารถติดต่อสอบถามหรือสั่งซื้อได้ที่ หมายเลขโทรศัพท์ 065-3929024
นายสุดิรมัน สาแม็ง หรือ ติดต่อทางเพจ sudir shop, เพจ ฟาร์มชันโรงพรุโต๊ะแดง และ เพจ stingless bee
ด้าน ผศ.ดร.ธนเสฏฐ์ ทองใสเกลี้ยง อาจารย์คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ กล่าวว่าได้ทำน้ำผึ้งของชันโรงในรูปแบบผงขึ้นมาแล้ว ได้บรรจุแคปซูลเรียบร้อยหมดแล้ว ก็เหลือแต่ขั้นการทดสอบกับเซลล์มะเร็งและเซลล์อัลไซเมอร์ว่าผลจากสารที่สกัดมาเนี่ยมันจะมีผลช่วยยัยยั้งหรือว่ารักษาโรคหรืออาการได้อย่างไรต่อไป
ดังนั้นจึงนับว่าเป็นความโชคดีของคนไทย
ที่ไม่นานเกินรอและความหวังกับการต่อสู้ของโรคร้ายมาตลอดทั้งชีวิตจะหายไป
กับน้ำผึ้งชันโรงที่ทางมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์
กับการวิจัยและได้สกัดสารจากน้ำผึ้งชันโรงเป็นผงบรรจุแคปซูล
ที่ถือว่าเป็นแห่งแรกในโลก ที่ภาวนาให้ประสบความสำเร็จโดยเร็ว.