รมว.ยุติธรรม เป็นประธานปลดล็อก”กระท่อม”ในภาคใต้-ส่งเสริมปลูกสร้างรายได้
หมวดหมู่ : ตรัง, ทั่วไป,
โฟสเมื่อ : 23 ส.ค. 2564, 13:15 น. อ่าน : 1,356ตรัง-รมว.ยุติธรรม ลงพื้นที่ จ.ตรัง ปลดล็อกพืชกระท่อม ประกาศยกเลิกคดีผู้เกี่ยวข้องกับพืชกระท่อม เตรียมส่งเสริมปลูกเพื่อเป็นพืชเศรษฐกิจสร้างรายได้
การปลดล็อกพืชกระท่อมในพื้นที่ภาคใต้ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้เป็นประธานเปิดการประชุมสร้างการรับรู้วันปลดล็อกพืชกระท่อมพื้นที่ภาคใต้และมอบแนวนโยบายเกี่ยวกับพืชกระท่อมในอนาคต ที่วัดหัวถนน ต.ตาพบะ อ.เมือง จ.ตรัง เมื่อวันที่ 23 ส.ค.2564 โดยมีนายขจรศักดิ์ เจริญโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ได้แก่ ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ผู้นำชุมชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน จากพื้นที่นำร่อง 23 หมู่บ้าน/ชุมชน นักวิชาการ และประชาชน เข้าร่วมประชุม 50 คน และร่วมปลูกสมุนไพรฟ้าทะลายโจร ตามโครงการฟ้าทะลายโจร 12 ล้านต้น (ปลูกเดือนแม่ เก็บเดือนพ่อ) ใน 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่วัดวารีวงก์ ต.น้ำพุ อ.บ้านนาสาร จังหวัดนครศรีธรรมราช ที่วัดมหิสสราราม ต.คลองกระบือ อ.ปากพนัง และจังหวัดตรัง ที่วัดหัวถนน ต.นาพละ อ.เมืองตรัง
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ในวันนี้ก็ต้องดูไปตามสถานการณ์ปกติว่าของที่เคยอยู่ใต้ดิน หรือผิดกฎหมายอยู่แล้วมีมากน้อยขนาดไหน ถ้าหากสำรวจแล้วมีมากพอที่จะประสานงานติดต่อกับพ่อค้าส่งออกและราคาที่ขายกันตามท้องตลาดมากพอที่จะเพิ่มรายได้ให้พี่น้องเกษตรกรมากน้อยแค่ไหน เพื่อที่อนาคตจะมีการส่งเสริมให้ปลูกพืชกระท่อมได้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะต้องทำการศึกษาเก็บข้อมูลเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมาพืชเหล่านี้ผิดกฎหมายและมีการแอบปลูกซื้อขายกัน เมื่อถูกกฎหมายแล้วเจ้าหน้าที่ก็สามารถเก็บข้อมูลเพื่อวิเคราะห์แนวทางส่งเสริมการตลาดได้ ซึ่งในขณะนั้นพื้นที่ภาคกลางใบกระท่อมมีราคาค่อนข้างสูงขั้นต่ำเริ่มต้น 500 บาทในพื้นที่ปริมณฑลและภาคกลาง
รมว.ยุติธรรม กล่าวอีกว่า ในส่วนของผู้ที่ต้องโทษคดีครอบครองพืชกระท่อมเพื่อเสพหรือเพื่อจำหน่าย หลังจากที่มีการประกาศปลดล็อกพืชกระท่อมแล้วผู้ที่ถูกดำเนินคดี ถูกจำคุกหรือรอลงอาญาต้องพ้นผิดทั้งหมด ในตอนนี้มีผู้ต้องหาอยู่ในชั้นตำรวจประมาณ 2,400 คดี ชั้นอัยการหรือศาลมีประมาณ 9,000 ราย ที่อยู่ในเรือนจำ 1,038 ราย ในวันที่ 24 ส.ค. ต้องทำเรื่องปล่อยตัวและทำเรื่องจ่ายค่าทดแทนตาม พ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทน และค่าใช้จ่ายแก่ผู้ต้องหาและจำเลยในคดีอาญา พ.ศ.2544 ถือว่าคนที่เคยทำผิดในเรื่องพืชกระท่อมหลังจากนี้เป็นบุคคลที่ไม่เคยกระทำความผิด ลบประวัติไปทั้งหมดเพราะในวันที่ 24 ส.ค.นี้ พืชกระท่อมไม่ใช่ยาเสพติด ส่วนเรื่องการปลดล็อกกัญชายังไม่เกิดขึ้นในอนาคตเนื่องด้วยเกี่ยวข้องกับกฎสหประชาชาติ (UN) ส่วนใครที่นำกระท่อมไปดัดแปลงให้มีสารออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทผิดกฎหมาย
ด้านนายเชือน สงชู อายุ 77 ปี อดีตกำนันตำบลนาพละ กล่าวว่า พืชกระท่อมมีประโยชน์คนสมัยก่อนกินกันถึง 70 เปอร์เซ็นต์ กินเพื่อทำงานทำนาทำไร่เพื่อให้มีแรงมีความขยัน มีการปลดล็อกแบบนี้ตนมองว่าดี เพราะทุกวันนี้ยังมีการแอบขโมยกินกัน ยังไม่มีใครได้รับอันตรายจากพืชกระท่อมถ้าไม่เอาไปดัดแปลงให้มีสารออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท หลังจากมีการปลดล็อกสมควรรณรงค์ให้ปลูกแต่ควรควบคุมจำกัดปริมาณการปลูก อย่าให้ปริมาณล้นตลาดไม่รู้จะจำหน่ายให้ใคร
สำหรับพืชกระท่อม เดิมเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 แต่หลังจากที่พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2564 ถอดพืชกระท่อมออกจากการเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันพุธที่ 26 พ.ค. 2564 มีผลใช้บังคับเมื่อพันกำหนด 90 วัน นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ซึ่งจะตรงกับวัน ที่ 24 ส.ค. ประชาชนสามารถนำพืชกระท่อมมาใช้ประโยชน์ในรูปแบบวิถีชาวบ้านได้โดยไม่ผิดกฎหมาย รวมถึงการใช้พืชกระท่อมทางการแพทย์ การศึกษาวิจัย ในขณะนี้ได้มีการเสนอร่างพระราชบัญญัติพืชกระท่อม อยู่ในกระบวนการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งร่างกฎหมายมีหัวใจสำคัญ คือ การกำหนดมาตรการกำกับดูแลต่อไป.