รมว.สาธารณสุข ให้งบสนับสนุน“สุนัตหมู่ 3 จชต.” ฟรี ช่วงวิกฤติโควิด-19

หมวดหมู่ : ยะลา, ทั่วไป,

อ่าน : 678
รมว.สาธารณสุข โครงการขลิบหนังหุ้มปลายอยัยวะเพศชายในเยาวชนมุสลิม 3 จังหวัด
รมว.สาธารณสุข ให้งบสนับสนุน“สุนัตหมู่ 3 จชต.” ฟรี ช่วงวิกฤติโควิด-19

ยะลา-รมว.สาธารณสุข ให้งบสนับสนุนจากโครงการขลิบหนังหุ้มปลายอยัยวะเพศชายในเยาวชนมุสลิม 3 จังหวัดภาคใต้ หรือโครงการสุนัตหมู่ ปี 2565 จังหวัดละ 500 คน ช่วงวิกฤติโควิด-19 


      พ.ญ.เพชรดาว โต๊ะมีนา ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย เปิดเผยว่า โครงการขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชายในเยาวชนมุสลิม 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือโครงการสุนัตหมู่ ปี 2565 ว่า โครงการนี้มีการทำมาทุกปีในพื้นที่ แต่ด้วยสถานการณ์โควิดในสองปีที่ผ่านมาไม่ได้มีการทำสุนัตหมู่ มีเพียงการทำสุนัตปกติของแต่ละพื้นที่ หลังจากนั้น รมว.สาธารณสุขได้ถามถึงความจำเป็นในการทำสุนัตว่าจำเป็นมากน้อยแค่ไหน ได้เรียนว่าเพราะเด็กยากจนและด้อยโอกาสยังไม่สามารถเข้าถึงด้วยมีค่าใช้จ่าย สมาคมจันทร์เสี้ยวและการแพทย์ที่ปกติเคยทำเรื่องนี้ เมื่อมีโควิด-19 ก็หยุดไป จึงเรียนท่านอีกครั้ง ท่านบอกว่าจัดไปเลย ให้โควตา 3 จังหวัด(ยะลา นราธิวาส ปัตตานี) จังหวัดละ500 คน รวม 1,500 คน ส่วนงบประมาณค่าใช้จ่ายในการทำสุนัตนั้น รายละ 1,200 บาท รวม 1.8 ล้านบาท


      สำหรับที่ อ.เมือง จ.ปัตตานี จัดบริการที่รพ.ปัตตานี จำนวน 200 คน โดย นพ.รุซตา สาและ แพทย์ศัลยกรรมเผยว่าทำสุนัตเป็นปกติอยู่แล้ว ให้เชื่อมั่นได้เพราะทำในห้องผ่าตัด มีความเข้มงวดเรื่องมาตรการปกป้องโควิด ส่วนในอำเภออื่นๆ ต้องประสาน ผอ.รพ.แต่ละอำเภอว่า มีความพร้อมมากน้อยขนาดไหน ตอนนี้ รพ.ปัตตานี เปิดลงทะเบียนรับสมัครแล้ว จะทำในวันที่ 29-30 มีนาคมนี้ เพื่อจัดเตรียมห้องผ่าตัด จัดคิว จัดบุคลากรเตรียมพร้อม ในสถานการณ์เช่นนี้การทำสุนัตหมู่ที่โรงพยาบาลปลอดภัยที่สุด ส่วนที่ผ่านมาที่เคยทำที่สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดนั้นก็จะทำในปีต่อไป “ขอขอบคุณ ท่าน รมว.สาธารณสุข สำหรับการสนับสนุนในโครงการนี้ ท่านมิใช่มุสลิม แต่เมื่อมีเรื่องของสามจังหวัด ท่านไม่เคยปฏิเสธ บอกว่ามีอะไรให้บอกได้เลย เพื่อน้องๆ ที่ด้อยโอกาสในบ้านเราได้รับการสนับสนุนในทุกโอกาส” นพ.รุชตากล่าว


      ส่วนการขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชาย เป็นแนวปฏิบัติของมุสลิมเพื่อการรักษาความสะอาด รวมทั้งช่วยป้องกันและลดปัญหาการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ เช่น โรคซิฟิลิส โรคมะเร็ง โรคมะเร็งปากมดลูกของฝ่ายหญิงและยังช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ HIV หรือโรคเอดส์ได้กว่าร้อยละ 50-60


      การขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชาย หรือ "คิตาน” ในภาษาอาหรับ" หรือ "ทำสุนัต” ที่ใช้ในภาษามลายู มีประโยชน์หลายอย่าง เช่น ลดอัตราการเกิดการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะในเด็กเล็ก ลดอัตราการเกิดมะเร็งองคชาติ ลตอัตราการเกิดมะเร็ง 1 ต่อ 100,000 ลดอัตราการติดเชื้อทางระบบสืบพันธุ์ [SEXUAL TRANSMITTED DISEASE) บางชนิด เนื่องจากลดผิวหนังด้านในที่จะรับเชื้อ ป้องกันปัญหาที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับหนังหุ้มปลายเชิงภาวะพาราไพโมชิสป้องกันภาวะหนังหุ้มปลายตีบต้น ง่ายต่อการทำความสะอาดอวัยวะเพศ ลดอัตราการเป็นมะเร็งปากมดลูกในผู้หญิงการขลิบช่วยลดอัตราการติดเชื้อ HPV ซึ่งเป็นสาเหตุการเกิดมะเร็งปากมดลูกในเพศหญิงนายแพทย์โรเบิร์ต บอลลิงเจอร์และคณะ ได้ทำการศึกษาในกลุ่มนักศึกษาในประเทศอินเดียซึ่งผู้ชายส่วนใหญ่มักไม่นิยมขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศกันเท่าใดนัก และพบว่า 2,298 ชาย ที่อยู่ในกลุ่มศึกษาล้วนแต่เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง ระหว่างโกโนเรียกับซิฟิลิส


      วารสาร New England Journal of Medicine ซึ่งเป็นวารสารทางการแพทย์ที่น่าเชื่อถือได้ฉบับที่ 336 เลขที่ 15 หน้า 1072-1088 โดย ดร.ราเชล เอรอย ผู้เชี่ยวชาญแผนกโรคติดต่อของมหาวิทยาลัยนอร์ท คาโลไรน่า ได้กล่าวว่าการขลิบปลายอวัยวะเพศ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่ามีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคเอดส์อย่างได้ผล ทั้งนี้อาจจะเนื่องจาก ลางเกอร์ฮานเซลล์ (Langerhan Cells) ซึ่งเป็นเซลล์ที่พบอยู่บริเวณหนังหุ้มปลายนั้นเป็นเชลล์ที่ติดเชื้อเอตส์ได้ง่ายตายมากจากการสำรวจพบว่าเอดล์ ในผู้ที่มีหนังหุ้มปลายจะสูงกว่าผู้ไม่มีหนังหุ้มปลาย ประมาณ 1.7-8.2 เท่าและอัตราการติดเชื้อขอการแพร่กระจายของหนังหุ้มปลายอยู่จะสูงกว่าผู้ไม่มีหนังหุ้มปลาย ถึง 8 เท่า นอกจากนี้ หญิงที่มีสามีเป็นชายที่ได้ขลิบปลายแล้วจะมีอัตราการติดเชื้อเอดส์ต่ำกว่าหญิงที่มีสามีที่มิได้ขริบปลาย


      คณะแพทย์สเปนได้ศึกษา ใน 5 ประเทศ 3 ทวีป ซึ่งพบว่าผู้ชายที่ไม่ได้ขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศมีเชื้อ HPV เกือบ 20 % แต่คนที่ขลิบปลายอวัยวะเพศมีไม่ถึง 696 สำหรับผู้หญิงนั้นโอกาสที่จะเกิดมะเร็งปากมดลูกจะลดลง589 หากคู่นอนขลิบปลายอวัยวะเพศแล้ว แม้ว่าผู้ชายคนดังกล่าวมีประวัติว่าผ่านคู่นอนมาหลายคนก็ตาม กรณีนี้จึงมีการคำนวณกันว่าถ้าหากมีผู้ชายขลิบอวัยวะเพศในโลกประมาณ 25% ก็จะช่วยลดการเกิดมะเร็งปากมดลูกได้23-40% ขณะเดียวกันก็จะลดอัตราเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งที่อวัยวะเพศชายได้ ลดการติดเชื้อHPV และอื่นๆ ลงได้อีกด้วย


      นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร นายแพทย์ทรงคุณวุฒิด้านเวชกรรมป้องกัน กรมควบคุมโรค กล่าวในงานสัมมนาระดับชาติเรื่องโรคเอดส์ ครั้งที่ 12 ที่จัดขึ้น ณ อิมแพ็คเมืองทองธานี เปิดเผยถึงวิจัยที่ทำร่วมกับสหรัฐอเมริกา พบการขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชาย สามารถลดความเสี่ยงการติดเชื้อHIV ได้ร้อยละ 50-60 เนื่องจากผิวหนังบริเวณนี้ จะมีต่อมซึ่งจะสร้างสารที่เรียกว่า smegma หรือขี้เปียก หากมีหนังหุ้มไม่สามารถออกล้างได้ จะทำให้สารดังกล่าวคั่ง ซึ่งจะก่อให้เกิดกลิ่น การติดเชื้อ รวมเกิดมะเร็งที่องคชาติได้ การขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเทศชาย ผู้ขลิบจะลดโอกาสเกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น ซิฟิลิส แผลริมอ่อน และลดความเสี่ยงของมะเร็งองคชาติ และถ้าหากขลิบในเด็กทารก ก็จะลดโอกาสเกิดการติดเชื้อของทางเดินปัสสาวะในเด็กได้ด้วย ผู้หญิงที่เป็นคู่ของผู้ชายที่ขลิบจะลดความเสี่ยงของการเกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และลดอัตราเสี่ยงการเกิดมะเร็งปากมดลูกด้วย

 

      ผู้ที่สนใจนำบุตรหลานเข้าร่วมกิจกรรม สมัครฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายทุกสิทธิ์การรักษา ได้ที่ ประชาสัมพันธ์รพ.ปัตตานี โทร.073-711010, 073-711010 ต่อ 8530, 081-0952333 หลักฐานการสมัคร สำเนาบัตรประชาชนของเด็ก 1 ฉบับ สำเนาทะเบียนบ้านของเด็ก 1 ฉบับ.




อ่านข่าวที่เกี่ยงข้อง :