รัฐบาลไทยเจ๋ง! ปล่อยให้นำเข้ากุ้งเอกวาดอร์-อินเดีย ไม่เหลียวแลเกษตรกรไทย
หมวดหมู่ : เศรษฐกิจ, ทั่วไป, กรุงเทพฯ,
โฟสเมื่อ : 5 ส.ค. 2565, 12:06 น. อ่าน : 665 กรุงเทพฯ - สื่อนอกตีข่าว
“กรมประมงไทย อนุมัติให้นำเข้ากุ้งจากฟาร์มกุ้ง 36 ฟาร์มในเอกวาดอร์
อ้างว่าผ่านมาตรฐานด้านความปลอดภัย และ Biosecurity แล้ว
และเอกวาดอร์ยังแจ้งว่าประเทศไทยเตรียมที่จะอนุมัติโรงงานแปรรูปกุ้งเพิ่มเติมในอนาคต”
ข่าวที่ออกมานี้
เหมือนสายฟ้าฟาดมากลางใจเกษตรกร ตอกย้ำข่าวเมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ที่สำนักข่าวต่างประเทศออกข่าวว่า
ประเทศไทยได้ยกเลิกการแบนกุ้งจากเอกวาดอร์
เพื่อนำมาแปรรูปสำหรับส่งออกไปต่างประเทศ หลังจากประกาศแบนมานานหนึ่งปี
หลังจากตรวจพบเชื้อ White spot syndrome virus (WSSV),
Infectious hypodermal and hematopoietic necrosis virus (IHHNV) และ
Yellow head virus (YHV) ที่ติดมาในตัวอย่างกุ้งจากเอกวาดอร์
รวมถึงข่าวการอนุญาตให้นำเข้ากุ้งทะเลจากอินเดีย
เกษตรกรต้องช้ำใจอย่างหนัก
จากข่าวทั้งสองเรื่อง เพราะกรมประมงในฐานะหน่วยงานที่กำกับดูแลเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์น้ำกลับเป็นคน
“เปิดประตู” รับกุ้งจากคู่แข่งสำคัญของไทยเข้ามาขายในประเทศ
ทั้งที่ผ่านมาเกษตรกรต้องแบกรับปัญหาราคากุ้งตกต่ำ โดยเฉพาะในช่วงมกราคม-พฤษภาคม
2565 ที่ราคาปรับลดลงต่อเนื่องในทุกๆเดือน
เพิ่งจะได้เห็นราคาขยับขึ้นมาได้แค่ช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม
ที่การบริโภคกระเตื้องขึ้น จากการที่นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น
ขณะที่ปริมาณกุ้งในตลาดปรับลดลง เนื่องจากสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย
สภาพอากาศแปรปรวน มีฝนตกชุกสลับอากาศร้อนจัด
ทำให้กุ้งน็อคตายยกบ่อเกิดความเสียหายอย่างหนักในหลายพื้นที่
คนเลี้ยงกุ้งพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า
ประเทศนี้อยู่ยาก พวกเขาจะเลี้ยงกุ้งไปเพื่ออะไร ในเมื่อกรมประมง
หัวเรือใหญ่ที่ควรปกป้องเกษตรกรไทย ปกป้องคนไทย กลายเป็นเหมือนอยู่คนละฝั่ง
ไม่ใช่แค่ไม่ดูแล แต่กลับชักศึกเข้าบ้าน เหมือนอยากให้เกษตรกรหมดอาชีพ
เพราะนอกจากจะไม่ทำตามคำมั่นสัญญาที่เคยบอกว่า “พร้อมจับมือเกษตรกร
พลิกฟื้นกุ้งไทย ให้มีคุณภาพปลอดภัย เพื่อก้าวไกลสู่ความยั่งยืน”
เพื่อทวงคืนอุตสาหกรรมกุ้งให้กลับมาผงาด
ทวงแชมป์การเป็นประเทศผู้ผลิตและส่งออกกุ้ง รวมทั้งผลิตภัณฑ์แปรรูป อันดับ 1
ของโลก แต่จนแล้วก็ไม่สามารถทำได้ จึงคิดหาทางออกด้วยการนำเข้ามาแทน
เท่ากับกรมประมงมุ่งทำลายอาชีพ
“ไม่เหลียวแลคนเลี้ยง” ปล่อยให้ทั้งกุ้งสองประเทศนี้
เข้ามารุมสกรัมเกษตรกรไทยอย่างร้ายแรงที่สุด
ทั้งที่เมื่อตอนไทยขอให้ทั้งสองประเทศรับกุ้งไทยบ้าง
กลับบ่ายเบี่ยงใช้ข้ออ้างเรื่องการต้องดูแลเกษตรกรในประเทศของตนเอง
ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลไทยไม่คิดจะทำอย่างเขา
จึงเปิดประตูให้กุ้งเอกวาดอร์และกุ้งอินเดียสามารถส่งเข้ามาในไทยได้
เรื่องนี้ไม่ต่างอะไรกับการขุดหลุมฝังเกษตรกร
เพราะผลผลิตกุ้งจากเอกวาดอร์ที่จะทะลักเข้ามาในไทย ย่อมบิดเบือนกลไกตลาด
ทั้งที่เกษตรกรไทยนั้นมี “ความสามารถ” ในการผลิต “กุ้งคุณภาพสูง”
เพื่อป้อนความต้องการของคนไทยหรือแม้แต่การแปรรูปเพื่อส่งออกไปต่างประเทศ
ที่สำคัญการมาถึงของกุ้งเอกวาดอร์
ย่อมนำมาซึ่งภาวะราคากุ้งในประเทศตกต่ำ ทำลายเสถียรภาพราคากุ้งย่อยย้ำ
เพราะไม่มีใครตอบได้ว่า กุ้งที่นำเข้ามานั้นจะไม่หลุดรอดมาขายในท้องตลาด
และยังมีความเสี่ยงเรื่องโรคที่ติดมากับกุ้ง
เป็นการเพิ่มโอกาสเกิดการแพร่กระจายเชื้อก่อโรคข้ามพรมแดนผ่านการนำเข้ากุ้งแช่แข็ง
และต้องไม่ลืมว่าประวัติการติดเชื้อของกุ้งจากเอกวาดอร์นี้ก็มีให้เห็นจนถูกแบนมานานนับปีดังกล่าวข้างต้น
แล้วจะยอมเสี่ยงเปิดให้กุ้งอมโรคเข้ามาทำลายเกษตรกร อย่างนั้นหรือ?
ยังไม่นับปัญหาคุณภาพความปลอดภัย และการปนเปื้อนของสารเคมีต้องห้าม รวมถึงยาปฏิชีวนะที่อาจตกค้างมาด้วย ซึ่งไม่เพียงสร้างความเสียหายแก่ผู้เลี้ยงเท่านั้น แต่คนไทยก็มีความเสี่ยงที่จะรับกุ้งอมโรคอมสารตกค้างด้วย
วันนี้ กรมประมง ต้องทำหน้าที่ปกป้องเกษตรกรคนไทย ปกป้องอุตสาหกรรมกุ้งไทย ที่เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเรือธงที่นำเงินตราต่างประเทศเข้ามามากมาย ไม่ใช่ “ขุดหลุมฝังเกษตรกร” ด้วยกุ้งนำเข้าอย่างที่ทำอยู่ เพราะที่สุดแล้วเกษตรกรไทยจะค่อยๆล้มหายตายจาก ซึ่งจะกระทบกับความมั่นคงทางอาหารของประเทศอย่างไม่ต้องสงสัย.