“ลุงป้อม”ไปติดตามงานที่ จ.กระบี่ ชูผลงาน 4 ปีแก้ปัญหาราคาปาล์ม
หมวดหมู่ : การเมือง, กระบี่, ทั่วไป,
โฟสเมื่อ : 20 มี.ค. 2566, 14:00 น. อ่าน : 487กระบี่-"ลุงป้อม" ลงพื้นที่ จ.กระบี่ ติดตามโครงการบริการจัดการทรัพยากรน้ำ และพบปะประชาชน ชูผลงาน 4 ปี แก้ปัญหาราคาปาล์มให้เกษตรกร รับปากจะไม่ให้ต่ำกว่า 4 บาท
เมื่อวันนี้ 20 มี.ค.66 เวลา 11.00 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) พร้อมด้วย นายชยันต์ เมืองสง รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจติดตามโครงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ และพบปะประชาชนจ.กระบี่ ที่โครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำหนองไหล ช่วง 2 ต.พรุเตียว อ.เขาพนม จากนั้นเดินทักทายประชาชนที่มารอต้อนรับ ชาวบ้านจึงรุมกันขอถ่ายภาพจำนวนมาก โดยเฉพาะบรรดาสาวใหญ่ แม่หม้าย และเด็กๆ ต่างขอกอด ขอหอมแก้ม และถ่ายเซลฟี่ กันไม่ขาดสาย
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ตนเน้นย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเตรียมสำรองน้ำใช้ให้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน โดยมอบให้ สทนช. ติดตามกำกับหน่วยงานให้ดำเนินการตามมาตรการรองรับฤดูแล้งอย่างเคร่งครัดมอบจังหวัด อปท. และกรมป้องกัน และบรรเทาสาธารณภัยสำรวจพื้นที่เสี่ยงอุทกภัย และภัยแล้งที่เกิดขึ้นเป็นประจำรวมทั้งรายงานผลต่อคณะอนุกรรมการทรัพยากรน้ำจังหวัด และคณะกรรมการลุ่มน้ำ เพื่อใช้วางแผนแก้ไขปัญหาต่อไป เพื่อยกระดับความมั่นคงด้านน้ำในพื้นที่ในอนาคต
นอกจากนี้ ในพื้นที่ จ.กระบี่ และพื้นที่ จ.พังงา ได้มอบหมายให้กรมชลประทานสำรวจ ซ่อมแซมบำรุงรักษาระบบระบายน้ำ อาคารบังคับน้ำและอาคารประกอบให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน สำรวจพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำเพื่อเตรียมแผนรับมือได้ทันสถานการณ์ สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องสร้างความเข้าใจ และความร่วมมือกับประชาชน จึงมอบทั้ง 2 จังหวัด สร้างการรับรู้ให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับทราบสถานการณ์และผลการดำเนินการต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง
พล.อ.ประวิตร กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา 4 ปี ตนแก้ไขปัญหาราคาปาล์มน้ำมัน จากราคาตกต่ำ กก.ละ 2 บาท เป็น7.80 บาท เชื่อว่าพี่น้องประชาชนคงจะพอใจ การปรับราคาปาล์มน้ำมันให้สูงขึ้น เป็นผลให้มูลค่าการเจริญเติบโตจากปีละ 3 หมื่นล้านบาท เป็น 1.45 แสนล้านบาท ซึ่งต้องขอบคุณพี่น้องประชาชน ที่ช่วยกันทำตามนโยบายของตน 4 ปีที่ผ่านมา ตนสั่งการให้เร่งรัดผลักดันราคาปาล์มน้ำมัน ตั้งแต่กระทรวงพาณิชย์เสนอมาว่ายังไม่เป็นธรรมกับเกษตรกรจึงออกมาตรการปรับสูตร โดยเทียบเกณฑ์มาตรฐานของมาเลเซีย เน้นการผลักดันส่งออกน้ำมันดิบให้เพิ่มขึ้น ในปี65 ส่งออกน้ำมันปาล์มดิบไป 1 ล้านตัน ในปี 66 ตั้งเป้าไว้ต้องส่งออกให้ได้ 1.5 ล้านตัน จะทำให้น้ำมันไม่ล้นสต๊อกในช่วงฤดูที่ผลผลิตออกมาก และไม่ทำให้ราคาตกต่ำอีก เราต้องประคองราคาไม่ให้ต่ำกว่า 4 บาท
นอกจากนี้ยังมีนโยบายผลักดันให้ไทย เป็นศูนย์กลางผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานชีวภาพ และแปรรูปผลิตภัณฑ์อีก 8 ชนิด และต้องมี พ.ร.บ.ปาล์มน้ำมัน ที่จะขับเคลื่อนให้เกิดเขตเศรษฐกิจพิเศษปาล์มน้ำมัน เพื่อให้ปาล์มน้ำมันเป็นพืชเศรษฐกิจที่ยั่งยืน รวมทั้งดูแลเรื่องต้นทุน ช่วยเหลือชาวสวนปาล์ม ยกระดับมาตรฐานให้เทียบเท่ากับมาเลเซีย จะทำให้ราคาปาล์มน้ำมันไม่ให้ตกต่ำเหมือนเมื่อก่อน.