ศาลอุทธรณ์ยืนจำคุก 3 ปี นายก อบต.ให้ทำงานก่อนจัดจ้าง
หมวดหมู่ : สงขลา, ทั่วไป,
โฟสเมื่อ : 14 ก.ค. 2564, 17:38 น. อ่าน : 1,194สงขลา-ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นตัน จำคุก 3 ปีนายก อบต.ให้ผู้รับจ้างเข้าทำงานก่อสร้างก่อนจัดจ้างตามระเบียบ พฤติการณ์ฟังได้ว่าจงใจที่จะไม่ปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการ โดยเจตนาให้เอกชนผู้รับเหมาก่อสร้างเข้าทำการก่อสร้างและซ่อมแซมอาคาร 2 หลัง ก่อนมีการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างตามระเบียบ
นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองอธิบดีและโฆษก อัยการปราบปรามทุจริตภาค9 ให้ข้อมูล ศาลอุทธรณ์จำคุก 3 ปีนาย ส นายก องค์การบริหารส่วนตำบลปาเสมัส อ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส เหตุเกิดเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2547 นายก อบต.ให้เอกชนผู้รับเหมาก่อสร้าง เข้าดำเนินการก่อสร้างและซ่อมแซมอาคารเด็กเล็ก จำนวน 2 หลัง ก่อนที่จะมีการพิจารณาดำเนินการอนุมัติและทำการจัดจ้าง ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพัสดุของหน่วยการบริหารส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2535 โดยนาย ส ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่รีบดำเนินการจัดทำรายงานการจัดซื้อจัดจ้างย้อนหลัง เพื่อให้ความเห็นชอบและแต่งตั้งคณะกรรมการจัดจ้างโดยวิธีพิเศษ กำหนดราคากลาง และแต่งตั้งผู้ควบคุมงาน ต่อมาผู้ว่าราชการจังหวัด ได้มีคำสั่งให้รื้อถอนอาคารที่ก่อสร้าง และในส่วนซ่อมแซมอาคารกลับคืนสู่สภาพเดิม
พฤติการณ์ฟังได้ว่า นาย ส นายก อบต.ปาเสมัส จงใจที่จะไม่ปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการ โดยเจตนาให้เอกชนผู้รับเหมาก่อสร้างเข้าทำการก่อสร้างและซ่อมแซมอาคารทั้ง 2 หลังไปก่อน มีการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างตามระเบียบ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้ผู้รับจ้างเป็นคู่สัญญาและเข้าทำสัญญาจ้างก่อสร้าง และซ่อมแซมอาคารโดยวิธีพิเศษ เพื่อกีดกันผู้รับจ้างรายอื่นในการเสนอราคาเข้าประกวดราคา ถึงแม้ว่ายังไม่มีการเบิกจ่ายเงินหรือกระทำการอันใดเกี่ยวข้องกับเงินงบประมาณของเทศบาลตำบลปาเสมัส
แต่การรื้อถอนอาคารที่ก่อสร้างและในส่วนซ่อมแซมอาคารทั้งสองหลัง ทำให้เทศบาลปาเสมัสไม่สามารถใช้ประโยชน์ จากอาคารศูนย์พัฒนาเด็กเล็กที่ดำเนินการก่อสร้างและซ่อมแซมทั้งสองหลังได้ตามวัตถุประสงค์ สูญเสียเวลาในการดำเนินการรื้อถอนและซ่อมแซมอาคาร และต้องการก่อสร้างและซ่อมแซมอาคารทั้งสองหลังใหม่ และต้องเสียเงินงบประมาณในการก่อสร้างและซ่อมแซมเพิ่มเติม ทำให้การก่อสร้างและซ่อมแซมอาคารทั้งสองหลังล่าช้าออกไป ทำให้เทศบาลตำบลปาเสมัส และทางราชการได้รับความเสียหาย
เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2562 พนักงานอัยการปราบปรามทุจริตภาค 9 โดยนายชัยวัฒน์ สุวรรณยอด เจ้าของสำนวน ได้ยื่นฟ้องผู้ถูกกล่าวหา ในความผิดตาม ปอ.ม.157พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 ม.123/1ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 123/1 เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
ศาลชั้นต้น (ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9) ลงโทษจำคุกจำเลย 3 ปี จำเลยยื่นอุทธรณ์ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 ศาลอุทธรณ์ แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ได้พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยยืน 3 ปีเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม2564.