สตช.กวาดล้างใหญ่ภาคใต้ รวบ”กำนันตุ้ม”หนีคดีปล้น-ฆ่านาน 16 ปี

หมวดหมู่ : พัทลุง, ทั่วไป,

อ่าน : 1,122
จัดแถลงข่าวการกวาดล้างกลุ่มผู้ต้องหารายสำคัญ กำนันตุ้ม หนีคดีปล้นและฆ่า ศาลตัดสินจำคุกตลอดชีวิต
สตช.กวาดล้างใหญ่ภาคใต้ รวบ”กำนันตุ้ม”หนีคดีปล้น-ฆ่านาน 16 ปี

พัทลุง-สตช.จัดแถลงข่าวการกวาดล้างกลุ่มผู้ต้องหารายสำคัญในพื้นที่ จ.พัทลุง และพื้นที่ใกล้เคียง พร้อมยึดของกลางได้หลายรายการ รวบตัว “กำนันตุ้ม”หนีคดีปล้นและฆ่า ศาลตัดสินจำคุกตลอดชีวิต แต่หนีประกันไม่ไปฟังคำพิพากษา หลบมาซ่อนตัวที่พัทลุงเขตอิทธิพลของตัวเองนานถึง 16 ปี จนมาถูกจับได้


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อตอนบ่ายวันที่ 17 ธ.ค.2564 ที่ห้องประชุมตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง อ.เมืองพัทลุง พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง  ผบ.ตร. พล.ต.ท.ปัญญา ปิ่นสุข ผบช.ประจำตร. พล.ต.ต.จีระวัฒน์ พยุงธรรม รองผบช.ปส. พล.ต.ต.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบก.ปพ. และ พล.ต.ต.ตานิตย์ รามดิษฐ์ ผบก.ภ.จว.พัทลุง ได้ร่วมกันแถลงข่าวการกวาดล้างผู้กระทำผิดที่กำลังหลบหนี ตามนโยบายเร่งรัดปราบปรามคดีอุกฉกรรจ์ สะเทือนขวัญ ผู้มีอิทธิพลมือปืนรับจ้าง ของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.


ทั้งนี้จากการที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ภายใต้การอำนวยการสั่งการของ  พล.ต.ท.จิรภพ ภูมิเดชผบช.ก.โดยกองบังคับการปฏิบัติการพิเศษ (คอมมานโด) ร่วมกับตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง นำการปฏิบัติโดย พล.ต.ต.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบก.ปพ. และ พล.ต.ต.ตานิตย์  รามดิษฐ์ ผบก.ภ.จว.พัทลุง พร้อมพวก ได้ร่วมกันปิดล้อมตรวจค้นผู้มีอิทธิพล มือปืนรับจ้าง ยาเสพติด  และระดมจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับคดีอุกฉกรรจ์ สะเทือนขวัญคดีที่น่าสนใจในพื้นที่  จ.พัทลุง และพื้นที่ใกล้เคียง  


จากผลการปฏิบัติดังกล่าวนี้ มีการปิดล้อมตรวจค้น 8 เป้าหมายใน จ.พัทลุง และ จ.สงขลา  ตามหมายค้นของศาลอาญา ที่ จ.641-648 /2564  ลงวันที่  15 ธ.ค. 2564 โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้  3 ราย ประกอบด้วย 1.นายธีระพงศ์  (กำนันตุ้ม) เพชรตีบ อายุ 52 ปี ผู้ต้องตาตามหมายจับของศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานี  ที่  426/2558  ลงวันที่  13 ก.ค.2558 ตามความผิดฐานปล้นทรัพย์  ความผิดต่อชีวิต ซ่องโจร ความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน โดยผู้ต้องหารายนี้ได้หลบหนีคำพิพากษาของศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานี 2.นายบุญประเสริฐ พรหมกุล  อายุ  59  ปี  ในความผิดซึ่งหน้า ตาม พ.ร.บ. อาวุธปืนฯ 3.นายเอกภพ พงศ์พิศาล อายุ 39 ปี ในความผิดซึ่งหน้า ตาม  พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ


นอกจากนั้นได้มีการตรวจยึดของกลาง จำนวน 4 รายการ ประกอบด้วยอาวุธปืนจำนวน 43 กระบอก แบ่งเป็นอาวุธปืนยาว 16 กระบอก และอาวุธปืนพกสั้น 27 กระบอก เครื่องกระสุนปืนชนิดต่างๆ จำนวน 237 นัด รถยนต์และ จยย. รวม 42 คัน ยาไอซ์ นำหนักประมาณ 5 กรัม พร้อมกันนั้นได้มีการระดมกันจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับคดีสำคัญ /น่าสนใจ จำนวน 9 ราย ประกอบด้วย คดีร่วมกันฆ่า พยายามฆ่าและ พ.ร.บอาวุธปืน จำนวน 2 ราย คดีข่มขืนและรีดเอาทรัพย์ 1 ราย คดีฉ้อโกงประชาชน และยักยอก5 ราย และ คดีหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา 1 ราย 


สำหรับนายธีระพงศ์ (กำนันตุ้ม) เพชรตีบ อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 401 หมู่ที่ 1 ต.วังใหม่ อ.ป่าบอน จ.พัทลุงนั้น มีพฤติกรรมเป็นผู้มีอิทธิพล เป็นอดีตกำนันใน อ.ป่าบอน จ.พัทลุง  มีประวัติเกี่ยวข้องกับคดีฆ่าและพยายามฆ่า ปล้นทรัพย์ เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายโดยใช้อาวุธปืน ปลอมแปลงเอกสาร จำนวนหลายคดี จนถูกศาลตัดสินลงโทษจำคุกตลอดชีวิตและหนีประกัน ไม่มาฟังคำพิพากษา ซึ่งเป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญในพื้นที่จ.พัทลุงในปี  2548


นอกจากนี้ยังมีคดีที่นายธีระพงศ์ฯ ได้ร่วมกับพวก  10 คน วางแผนปล้นรถบรรทุกขนยางพาราโดยแบ่งหน้าที่กันทำเป็นขบวนการ ในวันเกิดเหตุจัดคนสะกดรอยตามรถบรรทุกยางพาราว่าไปที่ใดบ้างเมื่อรถวิ่งเข้ามาในพื้นที่ตามเส้นทางที่วางแผนไว้  จึงได้ลงมือปล้น โดยแต่งกายเป็นตำรวจเรียกให้คนขับรถบรรทุกหยุดรถ และให้คนขับพร้อมผู้โดยสารลงไปขึ้นรถอีกคันหนึ่ง หลังจากนั้นได้ใช้อาวุธปืนยิงเสียชีวิตอย่างโหดเหี้ยมทั้ง 3 คน จากนั้นนายธีระพงศ์ฯได้นำยางพาราไปขายได้เงินกว่า 1 ล้านบาท และนำมาแบ่งให้กลุ่มคนร้ายที่ร่วมกันก่อเหตุ จนจนท.ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานจับกุมผู้ต้องหาได้ครบทุกคน


คดีดังกล่าวศาลได้พิพากษาลงโทษจำเลยในคดีจำคุกตลอดชีวิต และได้รับโทษอยู่ในเรือนจำ ยกเว้นนายธีระพงศ์(กำนันตุ้ม) ผู้ต้องหารายสำคัญได้หลบหนีประกัน ไม่ไปฟังคำพิพากษา จนถูกออกหมายจับ  แต่ด้วยกำนันตุ้มเป็นผู้กว้างขวาง  และมีอิทธิพลในพื้นที่จึงได้หลบหนีลอยนวลอยู่เพียงรายเดียว จนถูกจับกุมในครั้งนี้


ส่วนการปฏิบัติการของ พล.ต.ต.จีระวัฒน์  พยุงธรรม รอง ผบช.ปส.นั้น ได้ใช้แผนยุทธวิธีสยบไพรี 65/1 บุกเข้าตรวจค้นขบวนการค้ายาเสพติดในพื้นที่ จ.ปัตตานี 3 เป้าหมาย จ.นราธิวาส 8 เป้าหมาย รวม 11  เป้าหมาย พื้นที่ จ.นราธิวาสสามารถจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาในเครือข่ายนางกาลิกา ปือโต คดีฟอกเงิน ตรวจยึดทรัพย์สินได้  5 รายการ มูลค่าประมาณ 11 ล้านบาท  นอกจากนั้นยังได้มีการตรวจยึดรถยนต์  5  คัน  บัตรประชารัฐมากกว่า  200  ใบ.






อ่านข่าวที่เกี่ยงข้อง :