สนท.ประชุมใหญ่ เดินหน้าพัฒนาสมาคมและองค์กรวิชาชีพ
หมวดหมู่ : ภาพข่าวสังคม, ทั่วไป, กรุงเทพฯ,
โฟสเมื่อ : 31 พ.ค. 2567, 19:30 น. อ่าน : 290กรุงเทพฯ - สมาคมหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (สนท.) ประชุมใหญ่สามัญประจำปี “นคร วีระประวัติ” นายกสมาคมฯ นำทีมแถลงผลงาน 1 ปี พัฒนาองค์กรทั้งอาคารสมาคมฯ และกิจการในเครือสมาคมฯ ก้าวหน้าไปมาก รวมทั้งจัดงานเชิดชูเกียรติคนวงการหนังสือพิมพ์และสื่อมวลชน
เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2567 เวลา 14.00 น. นายนคร วีระประวัติ นายกสมาคมหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้เป็นประธานในการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2566 ของสมาคมฯ ก้าวสู่ปีที่ 83 ที่ห้องเอื้องหลวง อาคารสมาคมฯ โดยแถลงผลงานและกิจกรรมในรอบ 1 ปี ที่เข้ามารับช่วงการบริหารสมาคมฯ ปรับปรุงอาคารและภูมิทัศน์สมาคมฯ ใหม่ ติดตั้งระบบพลังงานแสงอาทิตย์ตัวอาคารช่วยลดค่าไฟฟ้าได้กว่าครึ่งจากที่ผ่านมา โดยที่ประชุมรับรองรายงานการประชุมใหญ่สามัญปีที่ผ่านมา รับรองงบดุลประจำปี รับรองผู้ตรวจสอบบัญชี รับรองสมาชิกใหม่ และการเสนอแก้ไขระเบียบข้อบังคับสมาคมฯ รวมทั้งชี้แจงปัญหาต่างๆ ให้สมาชิกทราบ
นายนคร วีระประวัติ นายกสมาคมฯ กล่าวว่า คณะกรรมการชุดปัจจุบัน เข้ามารับงานต่อจากคณะกรรมการชุดเก่า เมื่อวันที่ 28 พฤษาคม 2567 ครบ 1 ปี แล้ว กรรมการทุกคนต่างมุ่งมั่นในการทำหน้าที่พัฒนาอาคารสมาคม และกิจการของสมาคมฯ ด้านต่างๆ ด้วยความเสียสละ เพื่อให้สมาคมหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งถือเป็นสมาคมฯ สำคัญ และเป็นสมาคมวิชาชีพแรกของประเทศไทย ก้าวหน้าต่อไปได้ทันยุคสมัย จึงได้แก้ไขข้อบังคับเพื่อรับสมาชิกสื่อออนไลน์ เข้ามาเป็นสมาชิกสมาคมด้วย โดยได้จัดงาน “เกียรติยศคนหนังสือพิมพ์” และงานมอบรางวัล “บุคคลในวงการหนังสือพิมพ์และสื่อออนไลน์ที่มีผลงานสร้างสรรค์” เพื่อเชิดชูเกียรติคนในวิชาชีพ รวมทั้งเข้ามาดูแล สำนักงานสมาพันธ์สื่อมวลชนแห่งประเทศไทย
“เรากำลังสร้างมณฑปเพื่อประดิษฐาน พระสยามเทวาธิราช เพื่อเป็นสิริมงคลแก่สมาคม สมาชิก และประชาชนทั่วไป ที่มากราบไหว้สักการะ นอกจากนี้ยังเตรียมจัดสร้าง “หอเกียรติยศคนหนังสือพิมพ์” และปรับปรุงห้องสมุด “ชิน โสภณพนิช” เพื่อบริการประชาชนอีกครั้ง รวมทั้งพิพิธภัณฑ์หนังสือพิมพ์ ที่ให้ความรู้แก่นักเรียนนิสิตนักศึกษา และประชาชนทั่วไป ขอถือโอกาสนี้ขอบคุณทุกๆ องค์กรที่ให้การสนับสนุนการดำเนินงานของสมาคมฯ ด้วยดีเสมอมา” นายนคร กล่าว.