สมาชิกเตรียมฟ้องสหกรณ์ ตร.พัทลุง ขอค่าหุ้นคืน -ตรวจพบอีกบัญชีเงินเข้าออกไม่ตรงกัน
หมวดหมู่ : พัทลุง, ทั่วไป,
โฟสเมื่อ : 25 เม.ย. 2565, 14:58 น. อ่าน : 875พัทลุง-อดีตนายตำรวจเตรียมยื่นฟ้องสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจพัทลุง เพื่อขอเงินค่าหุ้นคืน ด้านชุดสืบสวน ภ.จว.พัทลุงพบทรัพย์สินของกลุ่มผู้ต้องสงสัยบางรายหลายรายการ
ยิ่งสอบยิ่งพบหลักฐานการทุจริตเป็นขบวนการ ในคดีทุจริตโกงเงินสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจพัทลุง จำกัดวงเงินไม่น้อยกว่า 1,450 ล้านบาท และคาดว่าจะมีการออกหมายจับผู้ต้องสงสัยหลังวันที่ 25 เมษายน 2565 เนื่องจากในขณะนี้นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่กำลังเตรียมงานการต้อนรับนายกรัฐมนตรี ส่วนการยึดทรัพย์คืนมาจากกลุ่มผู้ต้องหานั้นชุดแรกประมาณว่ามีมากกว่า 500 ล้านบาท เพื่อให้ระยะการฟื้นฟูมีระยะสั้นลง จากประมาณ 20 ปี ให้เหลือแค่ 10 ปี ตามข่าวที่เสนอมาอย่างต่อเนื่องนั้น
ความคืบหน้าคดีนี้นั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.วรชาติ รสจันทร์ รอง ผบก.ภ.จว.พัทลุง ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะทำงานด้านการสอบสวนของ ภ.จว.พัทลุง เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบของ จนท.สำนักงานตรวจสอบบัญชีจังหวัดพัทลุง และสำนักงานตรวจสอบบัญชี ภาค 9 สงขลา ของสหกรณ์ฯ พบว่ามีการตบแต่งบัญชีที่มีเงินเข้าและเงินออกจากสหกรณ์ฯ นอกจากนั้นยังได้มีการตรวจสอบโปรแกรมทางระบบคอมพิวเตอร์จากแผ่นฮาร์ดดิสก์ของการทุจริตเงินสหกรณ์ฯอีกชุดหนึ่ง ในส่วนของการสอบปากคำของสมาชิกฯก็จะเร่งให้มีการสอบทุกๆคน ขณะนี้สอบได้เพียงประมาณ60 เปอร์เซ็นเท่านั้น
สำหรับการออกหมายจับนั้น ในกลุ่มแรกจะยึดโยงตามข้อมูลของสำนักงานสหกรณ์จังหวัดฯที่รายงานต่อผวจ.พัทลุง และนำข้อมูลมามอบให้กับสหกรณ์ตำรวจฯจำนวน 8 ราย เพื่อนำไปสู่การแจ้งข้อกล่าวหาต่อไป จากนั้นจะขยายผลการสืบสวนสอบสวนของกลุ่มผู้ต้องหาในกลุ่มที่ 1 ไปสู่การออกหมายจับกลุ่มที่ 2 – 3 ตามลำดับ ในส่วนเงินสดในบัญชีของกลุ่มผู้ต้องสงสัย 8 คนนั้น สามารถอายัดเงินสดในบัญชีได้แล้ว 2.6 ล้านบาท ส่วนของการปฏิบัติหน้าที่ของชุดสืบสวนของคดีดังกล่าวของ ภ.จว.พัทลุง ซึ่งมี พ.ต.อ.สุริยา ปัญญามัง รอง ผบก.ภ.จว.พัทลุง เป็นประธานคณะทำงานงานนั้น ได้พบข้อมูลที่เชื่อได้ว่ากลุ่มผู้ต้องหาได้มีการจำหน่าย จ่ายโอน ให้ทรัพย์สินบางส่วนไปยังเครือญาติพี่น้อง ซึ่งมีทั้งอสังหาริมทรัพย์ และสังหาริมทรัพย์ทั้งในและต่างจังหวัด ซึ่งทาง ป.ป.ง.จะเข้ามาทำการยึดทรัพย์ดังกล่าวในต้นเดือนพฤษภาคม 2565 นี้ ขณะนี้ข้อมูลดังกล่าวอยู่ในมือขอ ป.ป.ง.แล้ว
ส่วนการขยายผลการสอบสวนไปสู่การออกหมายจับคณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์ฯ และผู้ตรวจสอบบัญชีสหกรณ์ฯนั้น ในเบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้พบว่าเงินกู้ที่ออกของการกู้เงินฯ กับเงินที่ออกจากบัญชีสหกรณ์ฯไม่ตรงกัน ซึ่งเรื่องดังกล่าวนี้จะต้องสอบสวนว่าคณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์ฯ และผู้ตรวจสอบบัญชีสหกรณ์ฯมีส่วนรู้เห็นด้วยหรือไม่ มีเจตนากระทำความผิดหรือไม่ โดยการทุจริตดังกล่าวนี้ได้พบในปี 2563 ถึงจำนวน 2 เดือนหากผลการสอบสวนพบการกระทำความผิดก็จะต้องถูกดำเนินคดีโดยทันที
ทางด้านอดีตนายตำรวจรายหนึ่ง เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนกำลังรวบรวมเอกสาร หลักฐาน เพื่อยื่นฟ้องต่อสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจพัทลุง จำกัด เนื่องจากตนมีหุ้นอยู่มากกว่า 1 ล้านบาทเศษ แต่เมื่อตนได้เข้ามาขอถอนหุ้นจากสหกรณ์ฯเนื่องจากตนมีอายุมากแล้ว หาก 15 – 20 ปี จึงจะถอนหุ้นได้ตนคงตายไปแล้ว ตนอุตส่าห์เก็บออมเงินมาตลอดชีวิตการรับราชการเพื่อนำเงินที่สะสมไว้มาใช้ในบั้นปลายในชีวิตแต่เงินค่าหุ้นหมดเกลี้ยง เรื่องที่เกิดขึ้นทางคณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์ฯ จะต้องรับผิดชอบ เพราะการเข้าไปทำหน้าที่นั้น กลุ่มบุคคลดังกล่าวมีค่าตอบแทนในขั้นที่น่าพอใจ การที่บางรายบอกว่าเข้าไปโดยไม่หวังผลประโยชน์นั้นจึงเป็นเหตุผลที่ฟังไม่ได้ ข่าวคืบหน้าจะเสนอต่อไป.