หลั่งน้ำตาดีใจ ครอบครัวถูกสหกรณ์ฟ้องรื้อบ้าน ได้บ้านใหม่แล้ว

หมวดหมู่ : พัทลุง, ทั่วไป,

อ่าน : 920
กรมส่งเสริมสหกรณ์ สหกรณ์จังหวัดพัทลุง
หลั่งน้ำตาดีใจ ครอบครัวถูกสหกรณ์ฟ้องรื้อบ้าน ได้บ้านใหม่แล้ว

        ครอบครัวที่ถูกสหกรณ์รื้อถอนหลังคา ได้บ้านหลังใหม่แล้ว เจ้าบ้านยิ้มทั้งน้ำตาเหมือนชีวิตเกิดใหม่ กราบขอบคุณอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ผู้มีเมตตาจิต และสื่อมวลชนที่ทำให้มีวันนี้

        จากกรณีที่สหกรณ์แห่งหนึ่ง ยื่นฟ้องร้องต่อศาลจังหวัดพัทลุง เพื่อบังคับคดีโดยการรื้อถอนบ้านและหลังคา บ้านพัก นางกันติยา ด้วงอ่อน อายุ 53 ปี เลขที่ 102 หมู่ที่ 1 ต.เขาปู่ อ.ศรีบรรพต จ.พัทลุง เพื่อนำไปขายทอดตลาด จากการที่ทางครอบครัวนางกันติยาฯ ไม่ชำระเงินกู้ 15,000 บาท มาเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว จนทำให้เงินต้นพร้อมดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 57,000 บาท ทำให้ นางกันติยา พร้อมครอครัวมี นางสาวมุกฤทัย ด้วงอ่อน อายุ 27 ปี ซึ่งกำลังตั้งท้องได้ 7 เดือน พร้อมสามีคนใหม่ และหลานชาย อายุ 12 ปี และหลานสาวอายุ 8 ปี ได้รับความเดือดร้อน 

        หลังจากที่เป็นข่าวทางสื่อมวลชน นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้มอบหมายให้ นายประภาศ มากทอง สหกรณ์จังหวัดพัทลุง และคณะ ลงพื้นที่ไปให้การดูแลในการก่อสร้างบ้านหลังดังกล่าวให้เรียบร้อย ในขณะที่หน่วยงานรัฐ ประชาชน ได้ให้การช่วยเหลือแก่ครอบครัวดังกล่าวเช่นกัน ทั้งการบริจาคเงิน และมอบทุนการศึกษาให้แก่หลานชายและหลานสาวทั้ง 2 คน  

        ต่อมา เมื่อบ่ายวันที่ 29 พ.ค.2563 นายวิรัตน์ รักษ์พันธ์ รอง ผวจ.พัทลุง ได้เป็นประธานในการมอบบ้านหลังดังกล่าวให้กับ นางกันติยา ด้วงอ่อน ผู้เป็นเจ้าของบ้าน โดยมี นายประภาศ มากทอง สหกรณ์จังหวัดพัทลุง และคณะให้การต้อนรับ โดยบ้านหลังนี้ใช้เงินในการก่อสร้างประมาณ 120,000 บาทถ้วน กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้ให้การช่วยเหลือหลังคา ประตู หน้าต่าง เป็นเงิน 95,000 บาท ส่วนที่เหลือซึ่งเป็นค่าแรงงาน ทางอำเภอและท้องถิ่น ร่วมกันรับผิดชอบ หลังจากนี้ทางการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคศรีบรรพต จะเดินคู่สายมาติดตั้งไฟฟ้าภายในบ้านโดยไม่คิดค่าแรงงาน และเจ้าของบ้านจะเป็นผู้จัดหาวัสดุและอุปกรณ์เอง

        ทางด้าน นางกันติยา เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า ครอบครัวตนชีวิตที่เกิดใหม่ ก็ต้องกราบขอบพระคุณอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ นายประภาศ มากทอง สหกรณ์จังหวัดพัทลุง นายวิระชัย ชุมแก้ว นายอำเภอศรีบรรพต อบต.เขาปู่ ผู้นำท้องถิ่น และผู้มีเมตตาจิตทุกคนที่ได้ให้การช่วยเหลือครอบครัวตนในด้านต่างๆ รวมทั้งสื่อมวชน ที่ทำให้ครอบครัวตนได้มีวันนี้ สำหรับเงินที่ได้รับการช่วยเหลือจากผู้มีเมตตาจิตในครั้งนี้นั้น ตนจะนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการสร้างงาน สร้างอาชีพให้กับครอบครัว รวมทั้งการศึกษาของหลานทั้ง 2 คน และสิ่งที่จะต้องจดจำจนวันตายคือ การกู้หนี้ยืมสินที่เห็นว่าสามารนำเงินที่ยืมมาไปชดใช้ให้กับเจ้าหนี้ได้.