หาดทิพย์ (HTC) ประกาศผลประกอบการไตรมาส 2 รายได้เพิ่ม 12% กำไรโต 6%
หมวดหมู่ : เศรษฐกิจ, ภาพข่าวสังคม, ทั่วไป, กรุงเทพฯ,
โฟสเมื่อ : 3 ก.ย. 2567, 07:41 น. อ่าน : 306 กรุงเทพฯ - สิงหาคม
2567 หาดทิพย์ (HTC) แถลงผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2567 โชว์ยอดขาย
2,219 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2566 ถึง 235 ล้านบาท หรือร้อยละ 12 มั่นใจธุรกิจครึ่งปีหลังยังสดใสจากการเติบโตของภาคท่องเที่ยวโดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นปลายปี
แม้ต้นทุนจะเพิ่มขึ้น
แต่ยังสามารถใช้กลยุทธ์สร้างรายได้จากช่องทางที่เติบโตอย่างรวดเร็ว อย่างร้านอาหาร
โรงแรม และโมเดิร์นเทรด
ควบคู่ไปกับการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและปรับขนาดบรรจุภัณฑ์อันจะทำให้สามารถทำกำไรช่วงสิ้นปีได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
โดยเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา
คณะกรรมการบริษัทได้มีมติจ่ายปันผลระหว่างกาลเป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.48 บาท
โดยจะจ่ายเงินปันผลในวันที่ 20 กันยายน 2567
บริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) หรือ HTC
ผู้รับลิขสิทธิ์การผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในเครือโคคา-โคล่าในพื้นที่
14 จังหวัดภาคใต้ จากเดอะ โคคา-โคล่า คัมปะนี (ประเทศสหรัฐอเมริกา)
แถลงผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ประจำปี 2567 โดยบริษัทฯ มีรายได้จากการขายเท่ากับ
2,219 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 235 ล้านบาท หรือร้อยละ 12
เมื่อเทียบกับยอดขายจากช่วงเดียวกันของปี 2566 ทั้งนี้ บริษัทฯ
ยังคงได้รับอานิสงส์จากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของธุรกิจท่องเที่ยว
โดยจากข้อมูลกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พบว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ณ
ไตรมาส 2 ปี 2567 มีจำนวนสูงถึง 8 ล้านคน หรือเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 27
เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 โดยพื้นที่ที่มียอดขายเติบโตสูงสุด 3
อันดับแรกของบริษัทฯ ได้แก่ ภูเก็ต ตรัง
และ สมุย โดยเติบโตถึงร้อยละ 33, 25 และ 20 ตามลำดับ
นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์กลุ่มไม่มีน้ำตาล (Zero Sugar) ก็ยังคงเติบโตอย่างเข้มแข็งถึงร้อยละ
29 โดยมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ คือ ชเวปส์ แมนดารินยูซุ ไม่มีน้ำตาล
เข้าสู่ตลาดในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา
แต่ในขณะที่รายได้จากยอดขายยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่องนั้น
บริษัทฯ ก็มีต้นทุนที่ปรับสูงขึ้นเช่นกัน
โดยเฉพาะต้นทุนน้ำตาลเหลวและกระป๋องอลูมิเนียม
ซึ่งมีราคาเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง ร้อยละ 20 และ ร้อยละ13 ตามลำดับ
ปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้บริษัทฯ มีต้นทุนขายรวมในไตรมาสที่ 2 เท่ากับ 1,287 ล้านบาท
เพิ่มขึ้น 151 ล้านบาท หรือร้อยละ 13 และมีกำไรขั้นต้น เท่ากับ 932 ล้านบาท
เพิ่มขึ้น 84 ล้านบาท หรือร้อยละ 10 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ซึ่งเมื่อนำมาหักลบกับต้นทุนด้านการจัดจำหน่ายและต้นทุนด้านการขายและบริหารที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากยอดขายที่เพิ่มขึ้น
ตลอดจน
ต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้นจากดอกเบี้ยเงินกู้ในการขยายไลน์การผลิตที่โรงงานพุนพิน
จังหวัดสุราษฎร์ธานีแล้ว บริษัทฯ มีกำไรสุทธิรวมในไตรมาสที่ 2 ที่ 159 ล้านบาท
เพิ่มขึ้น 8 ล้านบาท หรือร้อยละ 6 และมีอัตรากำไรสุทธิเท่ากับ ร้อยละ 7.2 ลดลง 0.4
จุดเปอร์เซ็นต์ เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
พลตรีพัชร รัตตกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ได้กล่าวถึงแนวโน้มธุรกิจในครึ่งปีหลังของปี 2567 ว่า “เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ธุรกิจในปัจจุบันแล้ว เราพบว่าภาคการท่องเที่ยวยังเติบโตอย่างต่อเนื่องซึ่งส่งผลให้ยอดขายจากช่องทางโรงแรมและร้านอาหาร (HoReCa) และช่องทางโมเดิร์นเทรดในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 เติบโตจากช่วงเดียวกันของปี 2566 สูงถึงร้อยละ 27 และร้อยละ 14 ตามลำดับ เรามั่นใจว่าแนวโน้มที่ดีเช่นนี้จะดำเนินต่อไปและจะปรับกลยุทธ์เพื่อเสริมสร้างรายได้จากช่องทางเหล่านี้ให้เติบโตมากขึ้นไปอีก โดยเฉพาะในช่วงปลายปีที่จะเป็นช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยวอีกครั้ง ในขณะเดียวกันเรายังคงมุ่งมั่นในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต โดยในช่วงไตรมาสที่ 3 เราได้เริ่มดำเนินโครงการลดปริมาณการใช้พลาสติกใหม่ผ่านการปรับขนาดฝาและขวดพลาสติก PET ให้มีความเหมาะสมมากขึ้น ซึ่งจากการประมาณการล่าสุด จะช่วยลดปริมาณการใช้พลาสติกตามนโยบายความยั่งยืนได้ถึงประมาณ 480 ตัน อันจะทำให้ต้นทุนบรรจุภัณฑ์ในครึ่งหลังของปี 2567 ลดลงตามไปด้วย”
อนึ่ง เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2567
ที่ผ่านมา คณะกรรมการบริษัทได้มีมติจ่ายปันผลระหว่างกาลเป็นเงินสด
จากผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2567 ถึง 30 มิถุนายน 2567 ในอัตราหุ้นละ
0.48 บาท โดยจะประกาศจ่ายปันผลในวันที่ 20 กันยายน 2567 กำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิ์ได้รับปันผลในวันที่
6 กันยายน 2567 และขึ้นเครื่องหมาย XD (Exclude Dividend) ในวันที่ 5 กันยายน 2567.