“อดีตกำนัน” จี้ ผวจ.พัทลุง ตั้ง กก.ตรวจสอบผู้บุกรุกที่ดินสาธารณประโยชน์
หมวดหมู่ : พัทลุง, ทั่วไป,
โฟสเมื่อ : 26 พ.ค. 2563, 16:29 น. อ่าน : 1,985อดีตผู้นำท้องถิ่น เสนอ ผวจ.พัทลุง แต่งตั้งคณะกรรมการร่วมตรวจสอบการบุกรุกที่ดินสาธารณประโยชน์ ด้านอดีตกำนันคนดังยืนยันทำหน้าที่ตรงไปตรงมา ผู้ที่ไม่ยากจน ยากไร้ ไม่มีสิทธิ์ ต้องออกจากพื้นที่ทันที
ชาวจังหวัดพัทลุงให้ความสนใจกรณีการบุกรุกที่ดินสาธารณประโยชน์ จากกรณีที่
พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้มอบหมายให้ กอ.รมน.จ.พัทลุง
และ จนท.หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจสอบชาวบ้านในท้องที่ ม.2, 4, 5, 7 ต.ชัยบุรี และท้องที่ ม.8, 11 ต.ลำปำ อ.เมืองพัทลุง
และคนนอกพื้นที่เข้าไปถือครองที่ดิน “ควนท่าสำเภาสาธารณประโยชน์” จำนวน 3,727 ไร่เศษ ซึ่งอยู่ในความดูแลของฝ่ายปกครองของกระทรวงมหาดไทย
มีการก่อสร้างเป็นที่ทำกินมากกว่า 3,500 ไร่ มานานกว่า 10 ปี ต่อมา นายกู้เกียรติ
วงศ์กระพันธุ์ ผวจ.พัทลุง ทราบเรื่องเข้าตรวจสอบและนำเรื่องเข้าที่ประชุมหัวหน้าส่วนราชการต่างๆ
แก้ไขปัญหา โดยมอบหมายให้ทางอำเภอ ท้องถิ่น
ร่วมกันสำรวจตรวจผู้ที่บุกรุกเข้าไปทำกินในพื้นที่ดังกล่าว และจะดำเนินการตามกฎหมายกับผู้บุกรุกที่ไม่มีรายชื่ออยู่ในบัญชีผู้ยากไร้
ยากจน จำนวน 397 ราย ซึ่งทาง อบต.ชัยบุรี ได้เสนอรายชื่อมายังจังหวัดในก่อนหน้านี้ ตามข่าวที่ได้เสนอมาอย่างต่อเนื่องนั้น
ความคืบหน้าเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 26 พ.ค.2563 อดีตผู้นำท้องถิ่นรายหนึ่ง เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า
ตนไม่เห็นด้วยกับมาตรการการแก้ปัญหาของทางจังหวัดในครั้งนี้ ตนอยากเห็น นายกู้เกียรติ
วงศ์กระพันธุ์ ผวจ.พัทลุง แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาการบุกรุกในที่ดินดังกล่าวเป็นลายลักษณ์อักษร
มิใช่เป็นการมอบหมายด้วยปากเปล่าในที่ประชุมส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ฝ่ายปกครอง
ส่วนท้องถิ่น เพราะอาจจะมีชาวบ้านยื่นฟ้องร้อง ผวจ.พัทลุง ตามความผิด ม.157 ได้ ส่วนการดำเนินการตรวจสอบในครั้งนี้ควรกำหนดระยะเวลาที่แน่นอน เพราะเรื่องดังกล่าวชาวบ้านทั้งในและต่างจังหวัดกำลังเฝ้าจับตามอง
ส่วนการแต่งตั้งคณะกรรมการชุดดังกล่าวที่ประกอบด้วยฝ่ายปกครอง
อปท.และผู้นำท้องถิ่น ผู้นำท้องที่ร่วมกันตรวจสอบการบุกรุกนั้น ตนไม่เห็นด้วย
จึงขอให้ทางจังหวัดแต่งตั้งคณะกรรมการชุดดังกล่าวที่มี ทหาร ตำรวจ ที่ดิน จนท.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เข้ามาร่วมด้วย ทั้งนี้เพื่อเป็นการคานอำนาจซึ่งกันและกัน และเพื่อเป็นธรรมกับผู้บุกรุกทุกๆ
ราย
อดีตผู้นำท้องถิ่น กล่าวอีกว่า
ผู้ที่เข้าไปสร้างที่ทำกินในที่ดินดังกล่าวนี้ถือเป็นผู้บุกรุกทุกราย เนื่องจากยังไม่ได้รับอนุญาตจากกระทรวงมหาดไทย
หรือยังไม่มีมติ ครม.ให้ความเห็นชอบ เป็นเพียงอยู่ในช่วงเสนอ
“โครงการจัดที่ดินของรัฐ ขจัดความยากจน”
ของท้องถิ่นไปยังจังหวัดและกระทรวงมหาดไทยเท่านั้น
เมื่อเป็นเช่นนี้ทางคณะกรรมการต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ยากไร้ผู้ยากจน
ที่ไม่มีที่ดินทำกินที่เข้าไปบุกรุกที่ดินดังกล่าวทั้ง 397
ราย ที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์
ส่วนผู้ที่แอบแฝงเข้าไปทำกินทั้งบุคคลภายในและนอกพื้นที่ โดยเฉพาะผู้มีอันจะกิน
ข้าราชการบางราย จะต้องดำเนินการตามกฎหมายโดยเฉียบขาด สำหรับตนนั้นไม่เชื่อว่าชาวบ้านที่ยากจน
ยากไร้ จะมีกำลังพอที่จะนำรถแบคโฮเข้าไปปรับสภาพเพื่อสร้างที่ทำกินมากกว่า 5 ไร่ได้ โดยเฉพาะการปลูกปาล์มน้ำมัน มีการบุกรุกเป็นจำนวนมาก
โดยไม่เกรงกลัวอำนาจรัฐแต่อย่างใด
ด้าน นายสุพัฒน์ มุลเมฆ อดีตกำนัน ต.ชัยบุรี อดีตนายก อบต.ชัยบุรี อ.เมืองพัทลุง
ซึ่งเป็นผู้ทรงคุณวุฒิการกีฬาแห่งประเทศไทย กระทรวงการท่องเที่ยวฯ เปิดเผยว่า
ตนยินดีรับฟังข้อคิดเห็นจากทุกฝ่ายในการแก้ปัญหาการบุกรุกในที่ดิน
“ควนท่าสำเภาสาธารณประโยชน์” จำนวน 3,727 ไร่เศษ ในครั้งนี้ แต่ตนมั่นใจว่าผลงานการปฏิบัติหน้าที่เพื่อการพัฒนาท้องถิ่นในสมัยเป็นกำนัน
นายก อบต.ชัยบุรี ชาวพัทลุงย่อมทราบดี เมื่อตนได้รับการมอบหมายจาก ผวจ.พัทลุง
ในการแก้ปัญหาดังกล่าวนี้ตนจะปฏิบัติหน้าที่ให้มีความโปร่งใส บริสุทธิ์และยุติธรรม
เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ผู้ที่เข้ามาถือครองที่ไม่มีรายชื่อเป็นผู้ยากจน
ยากไร้ ไม่มีที่ทำกิน ประมาณ 1,200 ไร่
จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายทุกราย ขอให้ทุกคนได้มั่นใจการทำงานของตนในครั้งนี้ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกเหนือจาก นายนริศ ขำนุรักษ์ ส.ส.พัทลุง เขต 3 พรรค ปชป. และอดีตประธานคณะกรรมาธิการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร ได้ให้ความสนใจในเรื่องดังกล่าวเป็นพิเศษ โดยจะนำปัญหาการบุกรุกในที่ดินแห่งนี้เข้าไปอภิปรายในรัฐสภาในเร็วๆ นี้ แล้ว ทางด้าน พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ยังให้ความสำคัญในการบุกรุกเข้าไปทำประโยชน์ในพื้นที่ดังกล่าวด้วย หลังจากที่ทราบว่าในก่อนหน้านี้มีการออกโฉนดให้กับชาวบ้านในที่ดินที่อยู่ตรงข้ามกับ “ควนท่าสำเภาสาธารณประโยชน์” แก่ชาวบ้านในท้องที่ ต.ชัยบุรี ต.ลำปำ อ.เมืองพัทลุง ผู้ที่เข้าไปถือครองไปแล้วประมาณ 5,000 ไร่เศษ คาดว่าทางแม่ทัพภาคที่ 4 จะเดินทางเข้ามาดูสภาพที่แท้จริงในพื้นที่ดังกล่าวในเร็วๆ นี้.
นายสุพัฒน์ มุลเมฆ อดีตกำนัน ต.ชัยบุรี อดีตนายก อบต.ชัยบุรี อ.เมืองพัทลุง
การบุกรุกพื้นที่เพื่อปลูกสวนปาล์ม