อดีตประธานสภา อบต.คว้ามีดพร้าฟันเพื่อนบ้านเลือดอาบสาหัส
หมวดหมู่ : ตรัง, ทั่วไป,
โฟสเมื่อ : 23 พ.ย. 2565, 14:56 น. อ่าน : 607ตรัง-อดีตประธานสภา อบต.หัวร้อน! คว้ามีดพร้าไล่ฟันเพื่อนบ้านวัย 64 ปี เจ็บเลือดอาบร่าง นิ้วเกือบขาด แถมเดินตามมาพูดจาข่มขู่จะยิงให้ตายยกครัว ปมเหตุคาดไม่พอใจเพื่อนบ้านไปเก็บหอยในร่องน้ำที่ดินติดต่อกัน และเคยมีปัญหาระหองระแหงกันมาก่อนหน้า
เมื่อวันที่ 22 พ.ย.65 เวลา 20.40 น. ร.ต.อ.พิชิต หนูส่ง รอง สว.(สอบสวน) สภ.บ้านหนองเอื้อง อ.ปะเหลียนจ.ตรัง รับแจ้งเหตุทำร้ายร่างกายกันด้วยอาวุธมีดที่หน้าบ้านเลขที่ 151/2 หมู่ 5 ต.บางด้วน หลังจากรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนรุดเดินทางไปตรวจสอบ ทราบชื่อผู้บาดเจ็บ คือนางฉอ้อน อินทองมาก อายุ 64 ปี เป็นเจ้าของบ้านที่เกิดเหตุถูกฟันด้วยอาวุธมีดพร้าได้รับบาดเจ็บที่หัวแม่มือด้านซ้ายเกือบขาด และบริเวณศีรษะด้านขวาจำนวน 2 แผล เลือดไหลอาบร่าง ก่อนญาติรีบนำตัวส่งที่ รพ.ย่านตาขาว และแพทย์ได้ส่งต่อที่ รพ.ตรัง เนื่องจากเสียเอดมากเพื่อช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
ตำรวจสอบถาม น.ส.นุชรี อินทองมาก อายุ 39 ปี บุตรสาวผู้บาดเจ็บ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนได้ยินเสียงหลานตะโกน เลยเปิดประตูออกจากบ้านมาดูก็เห็นมารดาเดินเลือดไหลอาบเต็มตัว โดยที่คนก่อเหตุได้ถือมีดพร้าเดินตามมาที่หน้าบ้าน และพูดข่มขู่ว่า จะเอาปืนมายิงให้ตายหมดยกบ้าน จะไปแจ้งความหรือไปแจ้งใครก็ได้ไปแจ้งมาเลยไม่กลัวหรอก ส่วนสาเหตุมาจากมารดาไปหาปลาและตักหอยในร่องน้ำหลังบ้าน ก็ไม่รู้ว่ามีปัญหากันยังไง เพราะไม่เห็นตอนเกิดเหตุ ที่ผ่านมาไม่เคยเห็นว่าทั้งคู่มีปัญหากัน หลังจากเกิดเหตุโดนฟันมารดาก็รีบวิ่งเข้ามาที่บ้านทันที
จากการสืบสวนสอบสวนในเบื้องต้น ทราบว่า ผู้ก่อเหตุคือนายเอกพงษ์ ศรีสุด อายุ 60 ปี หรือชาวบ้านเรียกติดปากว่า “ประธานเริญ” เคยมีตำแหน่งอดีตประธานสภาองค์การบริหารส่วนตำบลบางด้วน อ.ปะเหลียน จ.ตรัง และอดีตประธานสหกรณ์การเกษตรปะเหลียน จำกัด โดยก่อนเกิดเหตุผู้บาดเจ็บไปหาปลาและดักหอยที่ร่องน้ำหลังบ้านซึ่งเป็นที่ดินที่อยู่ติดกันกับของผู้ก่อเหตุ ในจังหวะนั้นผู้ก่อเหตุได้มาพบเห็น และตะโกนต่อว่าเอะอะโวยวาย ผู้บาดเจ็บน่าจะโต้เถียงกลับไปและมีปากเสียงกัน ผู้ก่อเหตุจึงใช้มีดพร้าฟันจนได้รับบาดเจ็บดังกล่าว โดยเชื่อว่าก่อนหน้านี้ทั้งคู่น่าจะมีปัญหาระหองระแหงกันมาก่อนหน้า
หลังสอบสวนตำรวจได้เร่งรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาแจ้งข้อกล่าวหาและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.