อบจ.สงขลา ติวเข้มบุคลากรสาธารณสุขดูแลผู้ป่วยโรคเรื้อรัง
หมวดหมู่ : สงขลา, ทั่วไป,
โฟสเมื่อ : 24 พ.ค. 2566, 10:42 น. อ่าน : 529สงขลา-อบจ.สงขลา ฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการโภชนบำบัดสร้างสุขสำหรับผู้ที่มีภาวะโรคเรื้อรัง ให้แก่บุคลากรสาธารณสุข เพื่อลดอัตราการเจ็บป่วยด้วยโรคร่วม โรคแรกซ้อนและลดค่าใช้จ่ายในการรักษา
เมื่อวันที่ 23 พ.ค.66 เวลา 13.30 น นายไพเจน มากสุวรรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ โภชนบำบัดสร้างสุขสำหรับผู้ที่มีภาวะโรคเรื้อรัง พร้อมด้วย นางสาวปรินดา ปาลาเร่ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา ร่วมพิธี ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ต.คลองหรังอ.นาหม่อม จ.สงขลา
นางสาวซอลีฮะห์ ต่วนยูนุ๊ ผู้จัดกิจกรรมฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ โภชนบำบัดสร้างสุขสำหรับผู้ที่มีภาวะโรคเรื้อรัง กล่าวว่าปัจจุบันโรคไม่ติดต่อเรื้อรังกำลังเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญของประเทศ โดยเฉพาะโรคเบาหวานโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจขาดเลือด และโรคหลอดเลือดสมอง ซึ่งสาเหตุการเกิดโรคดังกล่าว จะส่งผลกระทบกับตัวบุคคลเอง และอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆตามมา อีกทั้งยังจะส่งผลกระทบต่องบประมาณของประเทศด้านค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคที่สูงขึ้นตามลำดับ
ด้านนายไพเจน มากสุวรรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา กล่าวว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญดังกล่าว จึงได้จัดกิจกรรมฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ โภชนบำบัดสร้างสุขสำหรับผู้ที่มีภาวะโรคเรื้อรังขึ้น เพื่อให้บุคลากรสาธารณสุข ผู้รับผิดชอบงานคลินิกโรคเรื้อรัง ผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรังรายใหม่(ปี 2565) ผู้ดูแลผู้ป่วย อาสาสมัครประจำหมู่บ้านในพื้นที่ที่รับผิดชอบของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลคลองหรัง สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้มีความรอบรู้ด้านสุขภาพในการดูแลสุขภาพตนเอง และเกิดความตระหนักและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพตนเองได้ต่อเนื่อง เพื่อลดอัตราการเจ็บป่วยด้วยโรคร่วม ภาวะแทรกซ้อนต่างๆ และค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียไปกับการรักษาโรค ไม่ติดต่อเรื้อรัง
สำหรับกลุ่มเป้าหมายที่เข้าร่วมการอบรมในครั้งนี้ เป็นบุคลากรสาธารณสุข ผู้รับผิดชอบงานคลินิกโรคเรื้อรัง ผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรังรายใหม่ (ปี 2565) ผู้ดูแลผู้ป่วย อาสาสมัครประจำหมู่บ้านในพื้นที่ที่ รับผิดชอบของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลคลองหรัง สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง จำนวน 60 คน.