“เบตง” ได้เฮ! ไม่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่เพิ่ม -เร่งรณรงค์ฉีดวัคซีนป้องกัน
หมวดหมู่ : ยะลา, ทั่วไป,
โฟสเมื่อ : 9 ธ.ค. 2564, 23:30 น. อ่าน : 1,958ยะลา-อำเภอเบตงหารือทำความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการการฉีดวัคซีน และมาตรการให้มีการละหมาดที่มัสยิดและบาลาเซาะห์ ขณะที่อำเภอเบตงเป็นอำเภอแห่งเดียวของจังหวัดยะลา ที่ไม่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่เพิ่มเติม
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 9 ธ.ค.2564 ที่ฐานปฏิบัติการชุดคุ้มครองตำบลอัยเยอร์เวง อ.เบตง จ. ยะลา นายณัฐวุฒิ เจ๊ะหะมะ ปลัดอำเภอเบตง รับผิดชอบตำบลอัยเยอร์เวง พร้อมด้วยนายฮัมซา เซ็งโซะ เจ้าหน้าที่ปกครอง ได้ร่วมพบปะผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน และบัณฑิตอาสาประชุมหารือทำความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการฉีดวัคซีนมาตรการให้มีการละหมาดที่มัสยิดและบาลาเซาะห์ ซึ่งทางชุมชน/หมู่บ้าน จะต้องมีอัตราการได้รับการฉีดวัคซีนแล้วไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 ของจำนวนประชากรที่มีอายุ 18 ปี ขึ้นไป ผู้มาปฏิบัติศาสนกิจที่มัสยิด ควรได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว อย่างน้อย 1 เข็ม ใช้เวลาในการปฏิบัติศาสนกิจละหมาดญะมาอะห์ ไม่เกิน 30 นาที และต้องปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุข และประกาศจุฬาราชมนตรีด้วยความเคร่งครัด
สำหรับมาตรการป้องกันต่างๆ อาทิ การตรวจวัดอุณหภูมิ การสวมใส่หน้ากากผ้า/หน้ากากอนามัย การเว้นระยะห่างแถวการละหมาด 1.5 - 2 เมตร การจัดจุดล้างมือ/เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ การอาบน้ำละหมาดจากที่บ้านการนำผ้าปูละหมาดของตนเองมาด้วย และการลงทะเบียนทุกครั้งที่มาปฏิบัติศาสนกิจที่มัสยิด และต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ที่ออกโดยภาครัฐและประกาศจุฬาราชมนตรีด้วยความเคร่งครัด และต้องถือปฏิบัติจนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่สภาวะปกติ ก่อนที่จะมีการประกาศผ่อนปรนให้กลับมาปฏิบัติศาสนกิจที่มัสยิดและบาลาเซาะห์ หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในพื้นที่มีแนวโน้มที่ดีขึ้นเป็นลำดับ ซึ่งวันนี้อำเภอเบตงเป็นอำเภอแห่งเดียวของจังหวัดยะลา ที่ไม่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่เพิ่มเติม หลังจากมีการฉีดวัคซีนเชิงรุกให้กับประชาชนในพื้นที่ รวมถึงนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวในอำเภอด้วย
นายอิสมาแอ หะยีมะนุส คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดยะลา สาขาเบตง กล่าวว่า สำหรับการฉีดวัคซีนโควิด-19 จากการพิจารณาจากบทวิจัยเกี่ยวกับวัคซีนในปัจจุบัน พบว่า ยังไม่มีข้อมูลใดยืนยันหรือรับรองว่ามีการปนเปื้อนหรือมีส่วนผสมของสิ่งต้องห้ามตามศาสนาอิสลาม ซึ่งสอดคล้องกับการพิจารณาของสภาบัญญัติอิสลามนานาชาติ ซึ่งได้มีการประชุมร่วมกันระหว่างนักวิชาการ ด้านนิติศาสตร์อิสลามและนักวิชาการด้านการแพทย์ โดยผู้เชี่ยวชาญด้านเภสัชวิทยาและเวชศาสตร์ป้องกันว่าวัคซีนโควิด-19 นั้นไม่มีส่วนผสมของสิ่งต้องห้ามตามหลักศาสนาอิสลาม
“อยากให้พี่น้องชาวมุสลิมในพื้นที่ตระหนักว่า โรคโควิด-19 มีอยู่จริง และในฐานะชาวมุสลิมที่ดี จะต้องป้องกันและไม่เป็นผู้ที่แพร่กระจายเชื้อโรคโควิด-19 อยากฝากว่าตอนนี้เราอยู่ในบททดสอบพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งจะต้องปฏิบัติตามประกาศของจุฬาราชมนตรีอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19”นายอิสมาแอกล่าว.