เผยผู้ร่วมโกงสหกรณ์ ตร.พัทลุง ขนเงินซื้อคอนโดฯและบ้านที่ กทม.
หมวดหมู่ : พัทลุง, ทั่วไป,
โฟสเมื่อ : 27 เม.ย. 2565, 14:45 น. อ่าน : 931พัทลุง-วุ่นหนักค่าหุ้นสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจพัทลุง ติดลบหุ้นละ 18.47 บาท ส่วนการฟ้องร้องคณะกรรมการดำเนินการนั้นสมาชิกฯสามารถฟ้องร้องได้ ด้านการติดตามเส้นทางการเงินกลุ่มทุจริตตรวจพบผู้ร่วมทุจริตขนเงินซื้อคอนโดมีเนียมและบ้านในกรุงเทพฯ ให้หลานดูแล
กรณีการทุจริตในสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจพัทลุง จำกัด วงเงินไม่น้อยกว่า 1,450 ล้านบาท และจะมีการออกหมายจับผู้ต้องสงสัยชุดแรก โดยในเบื้องต้นคาดว่าจะมีการยึดทรัพย์สินของกลุ่มทุจริตกลับคืนมามากกว่า 500 ล้านบาท เพื่อให้ระยะการฟื้นฟูมีระยะสั้นลง จากประมาณ 20 ปี ให้เหลือแค่ 10 ปี ส่วนการตรวจสอบบัญชีพบว่าเงินกู้ที่ออกของการกู้เงินฯกับเงินที่ออกจากบัญชีสหกรณ์ฯไม่ตรงกัน ด้านนายตำรวจรายหนึ่งเตรียมเอกสารยื่นฟ้องคณะกรรมการดำเนินการ เนื่องจากเงินที่เก็บไว้ในสหกรณ์เพื่อใช้ในบั้นปลายชีวิตมีค่าเป็นศูนย์ ตามข่าวที่เสนอมาอย่างต่อเนื่องนั้น
ความคืบหน้าคดีนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.วรชาติ รสจันทร์ รอง ผบก.ภ.จว.พัทลุง ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะทำงานด้านการสอบสวนของ ภ.จว.พัทลุง เปิดเผยว่า ขณะนี้ทุกๆฝ่ายได้ร่วมกันขยายผลการสอบสวน การตรวจสอบบัญชีของสำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์ที่ 9 สำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์พัทลุง และ จนท.สหกรณ์ออมทรัพย์ สตช. ฯลฯ เพื่อร่วมกันสรุปผลว่ามูลค่าความเสียหายของสหกรณ์ฯจากการทุจริตมีมูลค่าความเสียหายที่แท้จริงมีมูลค่าประมาณเท่าไร และจะต้องถามไปยัง จนท.ส่งเสริมสหกรณ์ ฯ และ ผู้ตรวจสอบบัญชีภาคเอกชนว่ามีการปฏิบัติหน้าที่กันอย่างไรจึงไม่พบการทุจริตที่มีมานานติดต่อกันหลายปี ซึ่งกลุ่มบุคคลดังกล่าวนี้บางรายน่าจะถูกออกหมายจับด้วยในส่วนของการปิดงบดุลการเงินและบัญชีในปี 2564 ยังน่าเป็นห่วงยิ่ง เนื่องจากการทุจริตในสหกรณ์ฯครั้งนี้ราคาหุ้นละ 10 บาทนั้น ค่าหุ้นติดลบสูงถึงหุ้นละ 18.47 บาท ซึ่งหมายถึงว่าสมาชิกสหกรณ์ฯที่มีหุ้นมากแค่ไหนก็ตามจะเป็นหนี้สหกรณ์ฯทุกราย เนื่องจากค่าหุ้นมีค่าเป็นศูนย์เพราะค่าหุ้นติดลบ
ด้านอดีตข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า สมาชิกที่ได้รับความเสียหายจากการทุจริตเงินสหกรณ์ฯในครั้งนี้มีสิทธิ์ตามกฎหมายที่สามารถฟ้องร้องทางแพ่งกับคณะกรรมการดำเนินการได้ เนื่องจากสหกรณ์เป็นนิติบุคคลเหมือนกับบริษัทเอกชน เมื่อเกิดความเสียหายที่มาจากการบริหารที่ล้มเหลวก็สามารถฟ้องร้องได้ ส่วนการฟ้องร้องสมาชิกน่าจะร่วมกันฟ้องร้องเป็นกลุ่ม จะฟ้องใครกี่คนก็จะต้องร่วมกันพิจารณาให้ละเอียดถี่ถ้วนส่วนข้อหาที่จะยื่นฟ้องได้จะเป็นข้อหายักยอกทรัพย์ เป็นผู้สนับสนุนให้เกิดการทุจริต และปลอมแปลงเอกสาร ฯลฯ
สำหรับคณะกรรมการดำเนินการที่น่าจะถูกฟ้องร้อง เนื่องจากไม่มีการแจ้งความร้องทุกข์กับกลุ่มผู้กระทำความผิด ซึ่งแสดงว่าไม่รับผิดชอบต่อหน้าที่นั้นน่าจะเป็นกรรมการฯทุกๆชุดที่ผ่านมาจนถึงคณะกรรมการดำเนินการปี2563 ส่วนคณะกรรมการดำเนินการปี 2564 -2565 นั้นไม่ควรจะฟ้องร้องเนื่องจากชุดดังกล่าวเป็นชุดที่เข้ามาแก้ปัญหาการทุจริตในสหกรณ์ฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปฏิบัติหน้าที่ของชุดสืบสวนของคดีดังกล่าวของ ภ.จว.พัทลุง ซึ่งมี พ.ต.อ.สุริยาปัญญามัง รอง ผบก.ภ.จว.พัทลุง เป็นหัวหน้าชุดและ พ.ต.อ.ยศวรรธน์ กระจ่างวงศ์ ผกก.สส.ภ.จว.พัทลุง เป็น รองหน.ชุดฯนั้น ล่าสุดได้พบการนำเงินที่ได้มาจากการทุจริตไปซื้อคอนโดมีเนียม และบ้านพักในกรุงเทพฯ ของผู้ต้องหารายสำคัญคนหนึ่ง โดยมีหลานเป็นผู้ถือครองทรัพย์สินดังกล่าว นอกจากนั้นยังนำเงินไปซื้อรถยนต์ ที่ดินให้กับญาติๆทั้งในและต่างจังหวัดอีกด้วย ซึ่งจะมีการยึดทรัพย์สินดังกล่าวในเร็วๆนี้ ข่าวคืบหน้าจะเสนอต่อไป.