เสนอ “บิ๊กโจ๊ก” ลงนามสั่งฟ้อง จนท.รัฐ เพิ่มเติม คดีทุจริตสหกรณ์ ตร.
หมวดหมู่ : พัทลุง, ทั่วไป,
โฟสเมื่อ : 3 ม.ค. 2566, 14:27 น. อ่าน : 584 พัทลุง - ตำรวจชุดสอบสวนคดีมหากาพย์ทุจริตสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจพัทลุง
จำกัด นำสำนวนส่ง “บิ๊กโจ๊ก” เพื่อลงนามการสั่งฟ้อง จนท.รัฐเพิ่มเติม
พร้อมนำสำนวนส่ง ปปง.เพื่อยึดทรัพย์บุคคลภายนอกเพิ่มเติมอีกเช่นกัน
นับเป็นคดีมหากาพย์อีกคดี
การทุจริตในสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจพัทลุง จำกัด เกิดความเสียหายประมาณ 1,500 ล้านบาท
มีการจับกุมกลุ่มผู้ต้องหา 27 ราย ยึดทรัพย์สินรวมทั้งสิ้น 1,003,753,140 บาท
ยึดทรัพย์สินผู้ต้องหาไปแล้วกว่า 149 ล้านบาท ด้านอัยการจังหวัดฯ มีการนัดให้กลุ่มผู้ต้องหามารับฟังการพิจารณาการฟ้องในวันที่
20 มกราคม 2566 ส่วนพนักงานสอบสวนนำหลักฐานการทุจริตของเงินสหกรณ์ฯ ที่ได้รับจากธนาคารแห่งหนึ่งมาประกอบสำนวนการสอบสวน
เพื่อเตรียมแจ้งความดำเนินคดีกับ จนท.รัฐ เป็นครั้งที่ 2 ซึ่งเจ้าหน้าที่
ปปง.จะลงพื้นที่ยึดทรัพย์กลุ่มผู้ต้องหาเป็นครั้งที่ 2 เช่นกัน
พร้อมทั้งออกหมายจับกลุ่มบุคคลภายนอกที่เข้ามาร่วมทุจริตเงินสหกรณ์ฯ ในข้อหาฟอกเงิน
และขยายผลการสอบสวนไปยังผู้ต้องสงสัยที่เป็นกลุ่มบุคคลภายนอกประมาณ 5-6 ราย
และมีผู้ต้องหารายหนึ่งออกมาร้องผู้สื่อข่าวว่าถูกเลิกจ้างไม่เป็นธรรม
ไม่มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน จะทำเรื่องอุทธรณ์ต่อไปตามข่าวที่เสนอมาต่อเนื่องนั้น
ความคืบหน้าคดีนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่ ทางชุดสืบสวนสอบสวนของ
สตช.ยังเดินหน้ารวบรวมเอกสาร หลักฐาน และการจัดสำนวนการสอบสวนทุจริตเงินสหกรณ์ฯ
รวมทั้งการจัดทำสำนวนคดีฟอกเงิน ตามนโยบายของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.
อย่างต่อเนื่อง ซึ่งการจัดทำรายละเอียดต่างๆ นั้นได้เสร็จสิ้นลงแล้วเมื่อวันที่ 1
มกราคม 2566 ที่ผ่านมา และล่าสุดเมื่อตอนสายวันที่ 2 มกราคม 2566
ทางชุดสืบสวนสอบสวนในคดีดังกล่าว ได้นำหลักฐานของสำนวนการสืบสวนสอบสวน และหลักฐานสำคัญต่างๆ
เดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อนำเสนอให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.
ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนได้พิจารณาลงนามในสำนวนการสอบสวน ตั้งแต่วันที่ 3
มกราคม 2566
หลังจากนั้นพนักงานสอบสวนจะนำสำนวนการสอบสวนมาแจ้งข้อกล่าวหากับ
จนท.รัฐคนดังกล่าว และนำส่งอัยการทุจริตภาค 9 สงขลา เพิ่มเติม เพื่อดำเนินคดีตามความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับหรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด
สำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยไม่ชอบ เพื่อกระทำการ หรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือไม่ชอบด้วยหน้าที่
ตาม ป.อาญา 149
ขณะเดียวกันชุดสืบสวนสอบสวนดังกล่าวจะได้เข้าพบกับ
จนท.ปปง.ในวันที่ 3 มกราคม 2566 เช่นกัน เพื่อนำหลักฐาน เอกสาร สำคัญ
และสำนวนการสอบสวน ไปมอบให้กับเจ้าหน้าที่ ปปง.เพิ่มเติม
เพื่อนำสำนวนดังกล่าวไปดำเนินคดีกับกลุ่มบุคคลภายนอกในข้อหาฟอกเงิน ซึ่งหลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่
ปปง.จะนำเอกสาร หลักฐาน และสำนวนการสอบสวนที่ได้จากการขยายผลครั้งล่าสุด
ไปส่งให้กับทางคณะกรรมการธุรกรรมของ ปปง. เพื่อนำเข้าสู่การประชุมครั้งสำคัญ
นำไปสู่การยึดทรัพย์ของกลุ่มผู้ต้องหาคืนให้กับสหกรณ์ฯ ภายในเดือนมกราคม 2566 โดยควบคู่ไปกับการออกหมายจับกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นกลุ่มบุคคลภายนอก
และการยึดทรัพย์กลุ่มผู้ต้องหาดังกล่าวตามเป้าหมายของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง
ผบ.ตร.ที่ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนก่อนหน้านี้
นอกจากนี้ยังมีประเด็นที่กำลังเป็นที่ติดตามของสมาชิกสหกรณ์คือ กรณีมีผู้ต้องหาในคดี 1 ราย เบิกถอนเงินสหกรณ์ไป ขณะตกเป็นผู้ต้องหาแล้ว ซึ่งตำรวจกำลังตรวจสอบว่าเอาไปเจ้าบัญชีใคร รวมถึง จนท.บางรายของสหกรณ์ฯ มีการแก้ไขระบบโปรแกรมในการหักเงินชะระหนี้ ระบบเงินกู้สมาชิกประจำเดือนโดยพลการ โดยไม่ผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการบริหารสหกรณ์ฯ น่าจะเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องตามระเบียบของสหกรณ์ฯ ซึ่งการกระทำดังกล่าวอาจจะเป็นช่องทางที่จะทำให้เกิดการทุจริตขึ้นมาได้ในอนาคต โดยมีเงินในการหักเงินชำระหนี้เงินกู้ของสมาชิกประมาณ 10 ล้านบาท ขณะนี้หน่วยงานรัฐที่รับผิดชอบได้มีหนังสือถึงประธานคณะกรรมการดำเนินงานสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจพัทลุงให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวแล้ว
รวมถึงกรณีมีเจ้าหน้าที่ของสหกรณ์ฯ
ยื่นใบลาออกแล้ว 2 ราย โดยมี จนท.สหกรณ์ฯ ที่เป็นผู้ต้องหาในคดีดังกล่าว 1 ราย
ในขณะที่คณะกรรมการดำเนินงานสหกรณ์ฯ กำลังเตรียมการจัดประชุมทายาทของสมาชิกสหกรณ์ฯ
ที่เสียชีวิตในปี พ.ศ.2564 จำนวน 18 ราย และในปี พ.ศ.2565 จำนวน 12 ราย
ทั้งนี้เพื่อให้ทายาทดังกล่าวนี้ได้รับผลประโยชน์จากสหกรณ์ฯ ในด้านต่างๆต่อไป
โดยเฉพาะเงินปันผลที่ทางคณะกรรมการดำเนินงานสหกรณ์ฯ กำลังดำเนินการทางด้านบัญชี เพื่อที่จะจ่ายเงินปันผลให้แก่สมาชิกหลังจากเสร็จสิ้นการประชุมสามัญประจำปี
2565 ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ 2566 ซึ่งข่าวคืบหน้าจะเสนอต่อไป.