โจรใต้ซุกระเบิดถล่มรถทหารพรานข้างถนน แต่โชคดีปลอดภัย

หมวดหมู่ : นราธิวาส, ทั่วไป,

อ่าน : 271
โจรใต้วางระเบิดทหารพรานที่อำเภอระแงะ
โจรใต้ซุกระเบิดถล่มรถทหารพรานข้างถนน แต่โชคดีปลอดภัย

นราธิวาส-โจรใต้วางระเบิดทหารพรานที่อำเภอระแงะ ขณะขับรถกลับจากจ่ายเสบียงอาหาร แอบกดระเบิดด้วยโทรศัพท์มือถือ ระเบิดที่ทำด้วยถังแก๊สปิคนิกกระจุยเนินดิน แต่ทหารพรานไม่เป็นอันตราย


     เมื่อวันที่ 3 พ.ย.66 เวลา 08.40 น. พ.ต.อ.อาภากร วิรูปักษ์อารักษ์ ผกก.สภ.kioระแงะ จ.นราธิวาส รับแจ้งมีเหตุคนร้ายจุดชนวนระเบิดเพื่อดักสังหาร เจ้าหน้าที่ทหารพราน กองร้อยทหารพรานที่ 4514 กรมทหารพรานที่ 45 ริมถนนสาย 4011 ช่วงบริเวณบ้านบูเก๊ะซามี ม.7 ต.ตันหยงมัส จึงพร้อมด้วย พ.อ.สุรศักดิ์ พึ่งแย้ม ผบ.ฉก.ทพ.45 เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด นปพ.กองกำกับการตำรวจภูธร จ.นราธิวาส เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารจำนวนหนึ่ง เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ


     ปรากฏว่าพบที่บริเวณเนินดินในป่าสวนยางพาราริมถนน เป็นจุดที่คนร้ายลอบวางระเบิด เนินดินถูกอนุภาพของระเบิดกระเด็นกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ และยังมีซากเศษชิ้นส่วนของระเบิดแสวงเครื่อง ที่คนร้ายประกอบใส่ไว้ในถังแก๊สปิกนิก หนัก 25 ก.ก. จุดชนวนด้วยวิทยุสื่อสาร ตกกระจายเกลื่อนพื้นถนนและพหญ้ารกทึบริมทาง เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน


     จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ อส.ทพ.อัสราน เจะโกะ เจ้าหน้าที่ทหารพราน กอร้อยทหารพรานที่ 4514 พร้อมพวก รวม 2 นาย ได้ขับรถยนต์เก๋งส่วนตัวยี่ห้อไดฮัทสุ มิร่า สีเหลือง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ออกจากฐานซึ่งตั้งห่างจุดเกิดเหตุ ประมาณ 2 ก.ม. เพื่อไปจ่ายตลาดในการซื้อสินค้ามาเป็นเสบียงอาหารสำหรับกำลังพลรับประทานเมื่อซื้อหาสินค้าแล้วเสร็จ อส.ทพ.อัสราน ได้ขับรถยนต์เก๋งเพื่อกลับฐาน โดยมีเพื่อนอีก 1 นาย นั่งคู่กันมา ถึงที่เกิดเหตุได้มีคนร้ายไม่ทราบจำนวน แฝงตัวอยู่ในป่ารกทึบริมทาง ได้ใช้วิทยุสื่อสารจุดชนวนระเบิดที่นำไปวางไว้บนเนินดินในสวนยางพาราริมทาง และได้เกิดระเบิดขึ้นเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ในขณะที่ อส.ทพ.อัสราน ขับรถยนต์เก๋งผ่านจุดเกิดเหตุไป ประมาณ 20 เมตร จึงทำให้รอดตายไปได้อย่างหวุดหวิดและรถยนต์เก๋งไม่ได้รับความเสียหาย


     ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเชื่อว่าเป็นฝีมือการกระทำของ กลุ่มสมาชิกผู้ก่อเหตุรุนแรงเพื่อลอบดักสังหารเจ้าหน้าที่รายวัน.









อ่านข่าวที่เกี่ยงข้อง :