AAV ประกาศผลดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2566 รับสัญญาณบวกตลาดเส้นทางบินจีนฟื้นตัว
หมวดหมู่ : ไลฟ์สไตล์-บันเทิง, ทั่วไป, ท่องเที่ยว, กรุงเทพฯ,
โฟสเมื่อ : 14 พ.ค. 2566, 21:17 น. อ่าน : 602 กรุงเทพฯ - บมจ.เอเชีย เอวิเอชั่น (“AAV”)
ผู้ถือหุ้นใหญ่ บจ.ไทยแอร์เอเชีย (“TAA”) เผยผลประกอบการไตรมาสที่
1 ปี 2566 มีรายได้รวม 9,814.8
ล้านบาท เติบโตร้อยละ 369 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
โดยรายงานกำไรสุทธิเท่ากับ 359.4 ล้านบาท
หากไม่รวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนและตราสารอนุพันธ์ จะทำให้มีกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี
ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (“EBITDA”) อยู่ที่ 1,765.4 ล้านบาท บวกต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 2
ตอกย้ำการฟื้นตัวของธุรกิจทั้งตลาดภายในประเทศที่มีส่วนเเบ่งการตลาดสูงเป็นประวัติการณ์ที่ร้อยละ
37 และตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดจีนที่เห็นการเติบโตชัดเจนตั้งเเต่เดือนมีนาคมเป็นต้นมา
และคาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีต่อเนื่องจนถึงสิ้นปี
พร้อมตั้งเป้ามีกำไรสุทธิทั้งปีเป็นครั้งเเรกหลังสถานการณ์โควิด-19
ทั้งนี้สำหรับการดำเนินงานในไตรมาส
1 ปี 2566 TAA ขนส่งผู้โดยสารรวม 4.58 ล้านคน ยังคงเร่งตัวขึ้นร้อยละ 13
จากไตรมาสก่อนหน้า และเพิ่มขึ้นร้อยละ 216
จากช่วงเดียวกันของปีก่อน อัตราขนส่งผู้โดยสารสูงยังคงทำจุดสูงสุดใหม่ที่ร้อยละ 92 ความตรงต่อเวลาอยู่ที่ร้อยละ 87 โดยมีฝูงบิน ณ
สิ้นสุดไตรมาส จำนวน 54 ลำ (รอส่งมอบคืน 1 ลำ) และนำมาใช้ปฏิบัติการบินเเล้วจำนวน 45 ลำ
โดยมีอัตราการใช้เครื่องบินเฉลี่ยอยู่ที่ 11.8
ชั่วโมงต่อวันต่อลำ
นายสันติสุข
คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เอเชีย เอวิเอชั่น และ บจ.ไทยแอร์เอเชีย
กล่าวว่า ในไตรมาส 1 ปี 2566 จำนวนผู้โดยสารยังเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้าซึ่งเป็นฤดูท่องเที่ยวสำคัญ
สะท้อนให้เห็นทิศทางการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและการบินที่ยังมีแนวโน้มแข็งแกร่ง
โดยเฉพาะตลาดเส้นทางระหว่างประเทศที่ขนส่งผู้โดยสารจำนวน 1.42 ล้านคนในไตรมาสนี้ เพิ่มขึ้นร้อยละ 26
จากไตรมาสก่อน ในขณะที่ช่วงเดียวกันของปีก่อนประเทศไทยยังไม่ได้เปิดประเทศ
โดยไตรมาสนี้เริ่มเห็นการเติบโตของตลาดจีนช่วงท้ายไตรมาสชัดเจน
หลังจากที่จีนยกเลิกนโยบายโควิดเป็นศูนย์เมื่อต้นปีที่ผ่านมา และ TAA มีความพร้อมช่วงชิงโอกาสได้ทันที
ส่วนตลาดในประเทศได้รับอานิสงค์จากโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 ที่นักท่องเที่ยวใช้สิทธิกันอย่างคึกคัก
ทำให้ไทยแอร์เอเชียมีผู้โดยสารกว่า 3.16 ล้านคน
“TAA วางแผนเชิงรุกในการเพิ่มเส้นทางบินทั้งในเเละต่างประเทศต่อเนื่อง
ทั้งจากฐานปฏิบัติการการบินดอนเมือง สุวรรณภูมิ เชียงใหม่ และภูเก็ต
ที่ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะตลาดจีนที่มีโอกาสและปริมาณความต้องการเดินทางสูง
ซึ่งตั้งแต่ต้นปีนี้จนถึงปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา
นักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าประเทศไทยมาแล้วกว่า 845,000 คน
สูงเป็นอับดับที่สองรองจากนักท่องเที่ยวมาเลเซียที่เดินทางเข้ามาประมาณ 1,289,000 คน โดยปลายไตรมาสที่ 1 ไทยแอร์เอเชียให้บริการเส้นทางบินจีนไปแล้ว
67 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ พร้อมมีเเผนเพิ่มเป็น 114 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ในไตรมาส 2 นี้
และเร่งกลับไปบินให้ใกล้เคียงกับที่เคยทำได้ในปี 2562
ที่ประมาณ 140 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ รวมทั้งตลาดอาเซียน
อินเดีย และตลาดนักท่องเที่ยวใหม่อย่างฟุกุโอกะและไทเป
ก็ได้รับการตอบรับดีเยี่ยมเช่นกัน
สำหรับตลาดภายในประเทศ ไทยแอร์เอเชียกลับมาขนส่งผู้โดยสารแล้วกว่าร้อยละ 89 ของช่วงก่อนโรคระบาด และไตรมาสนี้เรามีส่วนแบ่งตลาดสูงถึงร้อยละ 37 ส่วนหนึ่งมาจากความไว้วางใจจากผู้โดยสาร และด้วยจำนวนเครื่องบินที่เรามีมากที่สุดในตลาด อย่างไรก็ตาม เราไม่ได้พิจารณาเพียงเฉพาะเรื่องส่วนแบ่งตลาดเท่านั้น แต่ดูภาพรวมของอุตสาหกรรมประกอบด้วย ทั้งด้านราคาตั๋วโดยสารและการบริการที่ดีที่สุด โดยไตรมาส 1 ที่ผ่านมานี้ อุตสาหกรรมโดยรวมยังคงมีทิศทางฟื้นตัวเป็นที่น่าประทับใจ” นายสันติสุข กล่าว
ทั้งนี้ในปี 2566
TAA ยังคงเป้าหมายขนส่งผู้โดยสารอยู่ที่ 20 ล้านคน
เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ขนส่งผู้โดยสารอยู่ที่ 9.95 ล้านคน
คาดการณ์อัตราขนส่งผู้โดยสารอยู่ที่ร้อยละ 87 คงความเป็นผู้นำด้านความตรงต่อเวลา และพร้อมนำฝูงบินทั้งหมด 53 ลำมาปฏิบัติการบินให้เร็วที่สุด
อย่างไรก็ตามหากการท่องเที่ยวกลับมาคึกคักเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ TAA ก็มีแผนรองรับเพื่อเพิ่มฝูงบินเพื่อคว้าโอกาสในการเติบโต
นอกจากนี้เรายังทำงานใกล้ชิดกับการท่องเที่ยวเเห่งประเทศไทยต่อเนื่อง
ในการดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเเละเข้ามาใช้จ่ายในประเทศ ตลอดจนการสนับสนุนเศรษฐกิจท่องเที่ยวเมืองรอง
สู่การฟื้นตัวต่อเนื่องของผลประกอบการ
พร้อมดำเนินการตามเเผนความยั่งยืนเพื่อสร้างการเติบโตในระยะยาวต่อไป.