AAV ประกาศผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2563
หมวดหมู่ : เศรษฐกิจ, ทั่วไป, ท่องเที่ยว, กรุงเทพฯ,
โฟสเมื่อ : 11 พ.ย. 2563, 15:57 น. อ่าน : 1,754 กรุงเทพฯ 11 พฤศจิกายน 2563 - บมจ.เอเชีย เอวิเอชั่น (AAV)
ผู้ถือหุ้นใหญ่ บจ.ไทยแอร์เอเชีย (TAA) เผยผลประกอบการไตรมาส
3 ปี 2563 มีรายได้รวม 2,403.2
ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 8 จากไตรมาสที่ 2 หรือลดลงร้อยละ 75
เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามการปรับปริมาณที่นั่งให้สอดคล้องกับความต้องการเดินทาง
ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลงกว่าร้อยละ 50
เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนจากการควบคุมค่าใช้จ่ายเข้มงวด
อย่างไรก็ตามมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนตามการเปลี่ยนแปลงของหนี้สินที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง
ส่งผลให้ในไตรมาส 3 ปี 2563 มีการขาดทุนอยู่ที่ 1,836.8 ล้านบาท
ขณะที่ขาดทุนขั้นต้นของไตรมาสนี้ฟื้นตัวจากไตรมาสที่แล้ว
หนุนจากปริมาณที่นั่งภายในประเทศที่กลับมาให้บริการเกือบจะเท่าก่อนการเเพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (Covid-19) และจากการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ
ส่งผลให้สามารถขนส่งผู้โดยสารได้มากกว่า 1.86 ล้านคน
โดยมีอัตราส่วนการขนส่งผู้โดยสารอยู่ที่ร้อยละ 65
พร้อมทั้งเปิดฐานปฏิบัติการบินใหม่ที่ “ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ” ในเดือนกันยายน
สร้างโอกาสขยายฐานลูกค้ารวมถึงการให้บริการขนส่งสินค้า
รักษาความเป็นผู้นำตลาดในประเทศที่เเข็งเเกร่งขึ้น
นายสันติสุข
คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เอเชีย เอวิเอชั่น และ บจ.ไทยแอร์เอเชีย
กล่าวว่า ในไตรมาสที่ 3 ปี 2563 เราเริ่มได้รับสัญญาณฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องในภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
โดยเฉพาะเส้นทางภายในประเทศ ที่ภาครัฐและหน่วยงานต่างๆ
กำหนดนโยบายและอัดแคมเปญกระตุ้นการเดินทาง
ทำให้สายการบินไทยแอร์เอเชียเริ่มเพิ่มความถี่เที่ยวบินและเปิดให้บริการเส้นทางใหม่ๆ
ในเดือนกันยายน 2563 โดยสายการบินไทยแอร์เอเชียได้กลับมาให้บริการเส้นทางในประเทศคิดเป็นร้อยละ
96 ของปริมาณที่นั่งก่อนการแพร่ระบาด Covid-19
“ในไตรมาสที่
3 เรารุกเดินหน้าในการเปิดฐานปฏิบัติการบินใหม่ที่
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ทำให้ไทยแอร์เอเชีย
เป็นสายการบินเดียวที่ให้บริการบินสะดวกเลือกได้ที่กรุงเทพฯ ใน 2 ท่าอากาศยาน เสริมทัพจากท่าอากาศยานดอนเมือง
เเละถือเป็นกลยุทธ์ในการสร้างโอกาสใหม่ๆ รวมทั้งเตรียมความพร้อม เมื่อมีนโยบายเปิดประเทศและเที่ยวบินระหว่างประเทศ
สามารถกลับมาให้บริการได้ในอนาคต ซึ่งจะทำให้เกิดการเชื่อมต่อทั้งกับผู้โดยสารเเละด้านการขนส่งสินค้า
ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิต่อไป” นายสันติสุข กล่าว
อย่างไรก็ตาม
นายสันติสุข มองว่าในไตรมาสที่ 4 ปี 2563 ปริมาณที่นั่งเส้นทางบินภายในประเทศจะเติบโตมากกว่าก่อนการแพร่ระบาด Covid-19 เป็นผลจากการเปิดฐานปฏิบัติการบินที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยเพิ่มเส้นทางการบินในประเทศและความถี่ให้มีมากยิ่งขึ้นสอดคล้องกับปริมาณความต้องการของผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นนั้น
อีกทั้งไตรมาสที่ 4 นั้น เข้าสู่ฤดูการท่องเที่ยว
การเดินทางมีเเนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากการที่รัฐบาลขยายเวลาโครงการ
“เราเที่ยวด้วยกัน” ต่อไปจนถึงสิ้นเดือนมกราคม ปี 2564
รวมทั้งการเริ่มมีนโยบายรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ในโครงการ Special
Tourist Visa (STV) สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการพำนักและท่องเที่ยวในประเทศไทยระยะยาว
โดยมองว่าการเปิดรับนักท่องเที่ยวดังกล่าวถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีและพร้อมตอบรับกับมาตรการดังกล่าวเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจไทย
นอกจากนี้
รัฐบาลประกาศลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องบินไอพ่นจาก 4.726 บาทต่อลิตร เหลือ 0.20 บาทต่อลิตร จนถึง 30 เมษายน ปี 2564
เพื่อเป็นการลดต้นทุนให้แก่ผู้ประกอบการสายการบิน
นายสันติสุข
ยืนยันว่าแอร์เอเชียยังปรับตัวอย่างต่อเนื่อง
มีจุดมุ่งหมายที่จะเป็นมากกว่าสายการบิน
โดยล่าสุดได้เปิดตัวสุดยอดแอปพลิเคชั่นของอาเซียน airasia.com ที่จะเข้ามาสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ตอบสนองทุกไลฟสไตล์
ครอบคลุมทั้งการเดินทาง ธุรกิจอีคอมเมิร์ช และฟินเทค ซึ่งเชื่อว่าจะสร้างเสถียรภาพและการเติบโตอย่างยั่งยืน.