AAV เผยผลประกอบการไตรมาส 4 และตลอดปี 2564 ธุรกิจปรับตัวดีแต่ช้ากว่าที่คาด
หมวดหมู่ : ไลฟ์สไตล์-บันเทิง, ทั่วไป, กรุงเทพฯ,
โฟสเมื่อ : 26 ก.พ. 2565, 10:00 น. อ่าน : 1,744 กรุงเทพ - บมจ.เอเชีย เอวิเอชั่น (“AAV”) ผู้ถือหุ้นใหญ่
บจ.ไทยแอร์เอเชีย (“TAA”) ประกาศผลประกอบการไตรมาส 4/2564
มีรายได้รวม 2,152 ล้านบาท ขาดทุน 993 ล้านบาท
ซึ่งปรับตัวในทิศทางที่ดีแต่ช้ากว่าที่คาดการณ์
สืบเนื่องจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น
ข้อกำหนดการคัดกรองผู้โดยสารจากต่างประเทศ และแผนชะลอการเปิดประเทศช่วงปลายปี
ในขณะที่ตลอดปี 2564
AAV มีรายได้รวม 4,508 ล้านบาท คิดเป็นขาดทุน 6,647 ล้านบาท
จากผลกระทบโดยรวมของการเเพร่ระบาดของโควิด-19 หลายระลอก
กอปรกับภาครัฐได้ประกาศให้ผู้ดำเนินการเดินอากาศยานในเส้นทางการบินภายในประเทศ
ห้ามปฏิบัติการบินรับส่งผู้โดยสารเข้าหรือออกพื้นที่ที่กำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด
(พื้นที่สีแดงเข้ม)
ส่งผลให้เที่ยวบินภายในประเทศจำเป็นต้องระงับชั่วคราวในช่วงไตรมาสที่ 3
เกือบทั้งหมด อย่างไรก็ดี ในช่วงปลายปี TAA กลับมาให้บริการเที่ยวบินระหว่างประเทศสู่ประเทศมัลดีฟส์
และกัมพูชาอีกครั้ง ตามนโยบายเปิดประเทศ โครงการ Test & Go ก่อนการระบาดของสายพันธุ์โอมิครอน ซึ่งทำให้รัฐบาลระงับโครงการ Test
& Go ชั่วคราวอีกครั้ง ส่งผลให้จำนวนผู้โดยสารตลอดปี 2564
อยู่ที่ 2.93 ล้านคนและมีอัตราส่วนการขนส่งผู้โดยสารอยู่ที่ร้อยละ 68 ตลอดทั้งนี้ TAA รักษามาตรฐานความตรงต่อเวลาของเที่ยวบินอย่างต่อเนื่อง
มีอัตราการตรงต่อเวลาเพิ่มขึ้นอยู่ที่ร้อยละ 97 จากร้อยละ 96 ของปีก่อน
ดีกว่าเป้าหมายกลยุทธ์ของบริษัทตามนโยบายความยั่งยืนที่ร้อยละ 90
เร็วๆ นี้ AAV
และบริษัทย่อย
ดำเนินการตามแผนปรับโครงสร้างและเพิ่มทุนแล้วเสร็จเป็นจำนวนเงิน 14,000 ล้านบาท
พร้อมทั้งทำธุรกรรมขายและเช่ากลับเครื่องบินจำนวน 7 ลำ เป็นมูลค่าสุทธิราว 1,700
ล้านบาท เพื่อเพิ่มเงินทุนหมุนเวียนและสภาพคล่องให้ธุรกิจ
ได้ดำเนินงานอย่างต่อเนื่องและเติบโตอย่างยั่งยืน
นายสันติสุข
คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เอเชีย เอวิเอชั่น และ บจ.ไทยแอร์เอเชีย
กล่าวว่า ปี 2564 เป็นปีที่ยากลำบากจากผลกระทบโควิด-19 โดยเฉพาะช่วงไตรมาส 3
ที่จำเป็นต้องระงับการบินทุกเส้นทางชั่งคราว
เพื่อช่วยกันป้องกันการเเพร่ระบาดของโควิด-19 ตามนโยบายรัฐ
ส่งผลโดยตรงต่อสภาพคล่องเเละกระเเสเงินสด
ทำให้บริษัทต้องปรับตัวครั้งใหญ่ในการปรับลดขนาดองค์กรให้เหมาะสม
พร้อมหาเงินทุนปรับโครงสร้างกิจการได้สำเร็จในช่วงท้ายปี
ซึ่งทำให้บริษัทพร้อมเต็มที่สำหรับการแข่งขันและฟื้นตัวอย่างรวดเร็วที่สุด
“ตลอดปีบริษัทไม่เคยหยุดนิ่งในการปรับตัวและแสวงหาทุกโอกาสที่เป็นไปได้
โดยเฉพาะการขยายธุรกิจด้านคาร์โก เช่าเหมาลำ และประโยชน์จากการปรับโฉมแบรนด์สู่ airasia
Super App บุกธุรกิจไลฟ์สไตล์
ทำให้บริษัทมีฐานลูกค้าที่ใหญ่และครอบคลุมขึ้น ต่อยอดธุรกิจสายการบินได้อย่างดี”
นายสันติสุข กล่าว
ในปี 2565 ถือเป็นปีแห่งการฟื้นตัวธุรกิจ ซึ่งบริษัทวางแผนเดินหน้ารุกเพิ่มความถี่และเส้นทางบิน สอดคล้องบรรยากาศการท่องเที่ยวเดินทาง โดยคาดว่าจะกลับมาบินเส้นทางภายในประเทศร้อยละ 100 พร้อมเปิดเส้นทางระหว่างประเทศได้ต่อเนื่องต่อไป อีกทั้งวางกลยุทธ์ให้ฐานปฏิบัติการการบินท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เสริมความแข็งแกร่งเส้นทางบินภายในประเทศ สร้างโอกาสการขนส่งทางอากาศควบคู่แผนขยายเส้นทางระหว่างประเทศ อีกทั้งยังพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ เพิ่มความสะดวกปลอดภัย ลดการสัมผัส ผ่านระบบจดจำใบหน้า ซึ่งจะนำมาใช้ในอนาคตอันใกล้
ทั้งนี้ปี 2565
บริษัทตั้งเป้าหมายขนส่งผู้โดยสาร 12.3 ล้านคน อัตราขนส่งผู้โดยสารร้อยละ 78
โดยไม่มีแผนรับมอบเครื่องบินเพิ่ม
พร้อมวางแผนคืนเครื่องบินหมดอายุตามสัญญาเช่าและหมุนเวียนเครื่องบินภายในกลุ่มแอร์เอเชีย
คาดการณ์บริษัทจะมีฝูงบินอยู่ที่ 53 ลำ ณ สิ้นปี.