DSI บุกยึดโรงงานปาล์มเอี่ยวทุจริตสหกรณ์ -ผู้บริหารโต้ไม่ได้เกี่ยวข้อง
หมวดหมู่ : กระบี่, ทั่วไป,
โฟสเมื่อ : 4 ส.ค. 2565, 17:30 น. อ่าน : 617กระบี่-DSI ยึดโรงงานปาล์มเอกชน หลังตรวจพบเอี่ยวทุจริตสหกรณ์ฯ กว่า 2 พันล้าน เอาผิด 8 อดีตผู้บริหาร ด้านผู้บริหารโรงงานออกแถลงการณ์ไม่ได้เกี่ยวข้องการกับทุจริตสหกรณ์ สงสัยถูกกลุ่มการเมืองกลั่นแกล้งดิสเครดิต ยืนยันจะต่อสู้พิสูจน์ความบริสุทธิ์
การบุกยึดโรงงานน้ำมันปาล์ม จากคดีทุจริตชุมนุมสหกรณ์ฯ รายนี้ เกิดขึ้นเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 4 ส.ค. นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) พร้อมด้วย น.ส.สาวดี รักษ์ศิริ สหกรณ์ จ.กระบี่ นำ จนท.กองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ (กองฮั้ว) กรมสอบสวนคดีพิเศษ ร่วมกับ จนท.สหกรณ์ จ.กระบี่กำลังตำรวจ สภ.คลองท่อม และ ตชด.426 กระบี่ กว่า 20 นาย พร้อมหมายศาล จ.กระบี่ เข้ายึดโรงงานผลิตน้ำมันปาล์ม บ.กระบี่วิเศษน้ำมันปาล์ม จก. ตั้งอยู่เลขที่ 88 หมู่ 5 ต.คลองท่อมเหนือ อ.คลองท่อม จ.กระบี่
ก่อนนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษ รับทำคดีทุจริตภายในชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่ จำกัด โดยพบว่ามีกลุ่มอดีตผู้บริหารชุมนุมสหกรณ์ โกงเงินของชุมนุมสหกรณ์ไปกว่า 1 พันล้านบาท นอกจากนี้ยังใช้เงินชุมนุมสหกรณ์ฯซื้อที่ดิน และก่อสร้างโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม ก่อนจะบริหารจนประสบภาวะขาดทุน ก่อนจะนำโรงงานขายต่อให้กับบริษัทเอกชนมูลค่ากว่า 300 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำกว่าความเป็นจริง และยังเปิดโอกาสให้บริษัทเอกชน ผ่อนชำระค่าฮุบกิจการเป็นระยะเวลากว่า 10 ปี ก่อนที่ จนท.DSI จะตรวจสอบพบว่าอดีตผู้บริหารชุมนุมสหกรณ์ฯ ที่มีพฤติกรรมทุจริต มีชื่อเป็นผู้บริหารบริษัทเอกชนดังกล่าวด้วย จึงรวบรวมพยานหลักฐาน ขออนุมัติหมายค้นศาลจ.กระบี่ เข้าตรวจค้น และทำการยึดโรงงานดังกล่าวซึ่งครอบครองโดย บ.กระบี่วิเศษฯ
นายไตรยฤทธิ์ กล่าวว่า การเข้าตรวจยึดในวันนี้ สืบเนื่องจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ มอบหมายให้กองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ หรือกองฮั้ว เข้าสืบสวนสอบสวนหาข้อเท็จจริงกรณีการทุจริตในชุมนุมสหกรณ์ฯ ซึ่งมีสมาชิกของชุมนุมฯ จำนวนมาก ร้องเรียนไปยัง รมว.ยุติธรรม มีผู้ได้รับผลกระทบจากการทุจริตมากกว่า 50,000 ครัวเรือน ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ จึงรับคดีนี้เป็นคดีพิเศษที่ 215/2565 ตาม พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 และลงพื้นที่เก็บรวบรวมพยานหลักฐานมาอย่างต่อเนื่อง โดยทำงานร่วมกับอัยการพิเศษสนง.อัยการสูงสุด และผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายฟอกเงิน สนง.ป.ป.ง. โดยได้รับความร่วมมือจากกรมส่งเสริมสหกรณ์กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
การสืบสวนขยายผลจนมีพยานหลักฐานเชื่อได้ว่า กรรมการ ผู้บริหาร และ จนท.ของชุมนุมสหกรณ์ฯ หลายชุดมีการทุจริตในการบริหาร ทำให้เกิดความเสียหายเป็นมูลค่าร่วมกว่า 2,000 ล้านบาท และมีการดำเนินการขายโรงงานสาขาคลองท่อม ซึ่งเป็นทรัพย์สินของชุมนุมสหกรณ์ฯ โดยผู้บริหารกำหนดราคาขายตามอำเภอใจ และไม่ขายตามระเบียบของสหกรณ์ และพบว่ามีการทำสัญญาซื้อขายเอื้อประโยชน์ให้แก่ บริษัท กระบี่วิเศษน้ำมันปาล์ม จำกัดทำให้ชุมนุมสหกรณ์ฯ เสียผลประโยชน์ชัดเจน
อธิบดี DSI กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังตรวจสอบพบว่า อดีตผู้บริหารชุดดังกล่าว ยังอาศัยโอกาสในการบริหารไปจัดตั้งบริษัท กระบี่วิเศษฯ โดยเป็นทั้งผู้ขายและผู้ซื้อในคราวเดียวกัน ซึ่งถือเป็นการบริหารงานที่มีผลประโยชน์ทับซ้อน ทางพนักงานสอบสวนของ DSI จึงเข้าทำการตรวจยึด อายัด โรงงานสาขาคลองท่อม รวมทั้งทรัพย์สินทั้งหมดมูลค่า 400-500 ล้านบาท ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิดโดยทุจริต ซึ่งทรัพย์สินดังกล่าว ยังเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 หลังจากนี้ทาง DSI จะส่งเรื่องให้ ป.ป.ง. ดำเนินคดีทางแพ่งควบคู่ไปด้วย ในส่วนของกลุ่มผู้กระทำความผิด ล่าสุดทางพนักงานสอบสวนมีหมายเรียกไปยังผู้ต้องหาชุดแรก จำนวนก 8 คน เพื่อให้เข้ามารับทราบข้อกล่าวหาความผิดตาม พ.ร.บ.สหกรณ์พ.ศ.2542 มาตรา 133/5 และมาตรา 353 ของประมวลกฎหมายอาญา โดยให้เข้ารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 1 และ2 ก.ย.นี้ ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หลังจากนี้ก็จะมีการออกหมายเรียกผู้ร่วมกระทำความผิดเพิ่มเติมอีก รอบนี้เป็นแค่ชุดแรก
ขณะเดียวกันนายจอม ชูศรี รอง ผจก.บ.กระบี่วิเศษฯ ชี้แจงเรื่องนี้โดยออกแถลงการณ์ระบุว่า ทางบริษัทฯ เริ่มดำเนินการด้วยการรวมตัวของเกษตรกรรายย่อยในพื้นที่ อ.คลองท่อม และอำเภอใกล้เคียง ดำเนินการซื้อโรงงานดังกล่าวตามกระบวนการที่ถูกต้องตามกฎหมายเมื่อปี 2564 ในราคา 320 ล้านบาท และยังเคยชำระหนี้แทนชุมนุมสหกรณ์ฯ จำนวนกว่า 13 ล้านบาท ในส่วนของหนี้สินชุมนุมสหกรณ์ฯ กว่าพันล้านบาท ไม่เกี่ยวกับทางบริษัทฯ แต่เกิดจากการขาดทุนสะสมก่อนจะเข้ามาซื้อกิจการ และเชื่อว่ามีกลุ่มการเมืองบางกลุ่มอยู่เบื้องหลัง ใช้กลไกของรัฐ ทำให้ชื่อเสียงของบริษัทฯ เสียหาย กระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้ถือหุ้น และคู่ค้าของบริษัทฯ และพร้อมจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในครั้งนี้.