ชาวจะแนะได้เฮ! ปภ.12 เร่งสร้างสะพานแบริ่ง เชื่อมถนนที่ถูกน้ำป่าซัดขาด
หมวดหมู่ : นราธิวาส, ทั่วไป,
โฟสเมื่อ : 7 พ.ย. 2565, 13:30 น. อ่าน : 519นราธิวาส-ชาวจะแนะเกือบ 3 พันคน ต่างดีใจได้เฮ!หลัง ปภ.เขต 12 มาประกอบสะพานแบริ่งให้ชาวบ้านเข้าออก หลังถูกตัดขาดจากโลกภายนอกผลจากน้ำป่ากัดคอสะพานขาด
เมื่อวันที่ 7 พ.ย. 65 เวลา 11.30 น. นายซูปียัน แดเมาะเล็ง นายอำเภอจะแนะ จ.นราธิวาส พร้อมด้วยพ.ต.อ.อดุลย์ เง๊าะ ผกก.สภ.จะแนะ พ.ท.ณัฐวุฒิ ศรีสังข์ ผบ.กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 151 ค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ได้ร่วมเดินทางมาอำนวยความสะดวก เจ้าหน้าที่ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 12 จ.สงขลา ที่ได้เคลื่อนย้ายชิ้นส่วนของสะพานแบริ่ง มาประกอบเป็นสะพานชั่วคราว ที่บริเวณคอสะพานรอยต่อระหว่างบ้านไอร์บือแต ม.4 ต.ช้างเผือก กับ บ้านน้ำหอม ม.7 ต.ดุซงญอ อ.จะแนะ หลังจากถูกกระแสมวลน้ำป่าที่เชี่ยวกรากกัดเซาะจนได้รับความเสียหาย เหตุเกิดเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 4 พ.ย. 65 ที่ผ่านมา
การประกอบสะพานแบริ่งในครั้งนี้ ปัจจัยสำคัญคือกำลังคน เนื่องจากชิ้นส่วนต่างๆของสะพานแบริ่ง อาทิ คานเหล็กและพื้น ซึ่งแต่ละชิ้นมีน้ำหนักกว่า 100 ก.ก. นอกจากจะใช้เครนติดรถยนต์บรรทุกของศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 12 จ.สงขลา เป็นเครื่องทุ่นแรงแล้ว ยังต้องใช้กำลังคน ที่นายซูปียัน นายอำเภอจะแนะ ได้จัดกำลังเข้าสนับสนุนในการช่วยเหลือประกอบสะพานแบริ่งในครั้งนี้ คือ ใช้กำลังทหาร 10 นาย จนท.ศูนย์ ปภ.เขต 12 จำนวน20 คน และกองอาสารักษาดินแดน อ.จะแนะรวมกับชาวบ้านอีก 20 คน เพื่อความรวดเร็วในการประกอบสะพานแบริ่งให้แล้วเสร็จภายใน 2 ถึง 3 วันนี้ ส่วนในเวลากลางคืน นายซูปียัน นายอำเภอจะแนะ ได้มีการจัดเจ้าหน้าที่ อส. กำนันผู้ใหญ่บ้านและ ชรบ. เข้าเวรยาม ณ จุดประกอบสะพายแบริ่ง เพื่อให้การรักษาความปลอดภัยแก่เจ้าหน้าที่และเครื่องมือ จนกว่าการประกอบสะพานแบริ่งจะแล้วเสร็จ
สำหรับสะพานแบริ่งที่ประกอบในครั้งนี้ ยาว 12 เมตร ค่อมคอสะพานที่ขาดกว้าง 5 เมตร ยาว 10 เมตร และลึก10 เมตร เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของชาวบ้าน 2 หมู่บ้าน คือ บ้านไอร์บือแต ม.4 ต.ช้างเผือก กับ บ้านน้ำหอม ม.7 ต.ดุซงญอ อ.จะแนะ ซึ่งอาศัยอยู่ จำนวน 832 ครัวเรือน รวม 2,614 คน ที่ไม่สามารถสัญจรไปมาสู่โลกภายนอกได้ หลังจากถูกน้ำกัดเซาะคอสะพานได้รับความเสียหายตั้งแต่วันที่ 4 พ.ย. 65 ที่ผ่านมา
ส่วนคอสะพานที่ขาดหรือชำรุดจากกระแสมวลน้ำป่าที่ไหลเชี่ยวกรากกัดเซาะนั้น โดยในระยะยาวทางจังหวัดนราธิวาส จะจัดทำงบประมาณในการนำหินกระชุมาจัดเรียงเป็นชั้นๆจนเต็มพื้นที่คอสะพาน แทนการนำดินมาถมทับและบดเหมือนสภาพเดิมที่ก่อสร้าง เพราะเชื่อว่ามีมาตรฐานและป้องกันการกัดเซาะของกระแสน้ำได้
ทางด้านสภาพอากาศโดยรวมในพื้นที่ จ.นราธิวาส ล่าสุดหลังจากที่มีฝนตกลงมาอย่างหนักในช่วงเย็นปกคลุมพื้นที่ทั้ง 13 อำเภอของวานนี้ ล่าสุด บรรยากาศบนท้องฟ้าแจ่มใสและมีแสงแดดส่องจ้า แต่ยังมีแนวโน้มว่าจะมีฝนตกลงมาในบางพื้นที่แต่ไม่หนักมากนักเหมือนกับในช่วง 3 วันที่ผ่านมา.