สงขลา- ผู้บัญชาการทหารเรือ ตรวจเยี่ยมทัพเรือภาคที่ 2 จังหวัดสงขลา ในวาระเยี่ยมอำลาหน่วยกองทัพเรือในพื้นที่ภาคใต้ฝังตะวันออก พร้อมชื่นชมการปฏิบัติหน้าที่ในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลที่ออกบ้านดอนโดยไม่หวั่นเกรงต่อผู้มีอิทธิพลในพื้นที่
พลเรือเอก ลือชัย รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารเรือ พร้อมด้วย นาวาเอกหญิง อุบลวรรณ รุดดิษฐ์ นายกสมาคมภริยาทหารเรือ และคณะนายทหารชั้นผู้ใหญ่ของกองทัพเรือ ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยม ทัพเรือภาคที่ 2 อำเภอเมืองสงขลา จังหวัดสงขลา ในวาระอำลาตำแหน่งผู้บัญชาการทหารเรือ เมื่อเช้าวันที่ 26 มิ.ย.2563โดยมีพลเรือโท สำเริง จันทร์โส ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 2 ให้การต้อนรับ พร้อมทั้งนำผู้บัญชาการทหารเรือตรวจแถวทหารกองเกียรติยศ และมอบโอวาทแก่กำลังพล โดยพลเรือเอกลือชัยได้กล่าวชื่นชม การปฏิบัติหน้าที่ ในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลที่ออกบ้านดอนโดยไม่หวั่นเกรงต่อผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ รวมทั้งขอให้กำลังพลวางตัวให้เหมาะสมกับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ หากหลอมรวมให้เป็นหนึ่งเดียวจะทำให้การปฏิบัติงานเป็นไปด้วยความราบรื่น
"ผมขอแสดงความชื่นชมกับผลงานที่พวกเราได้ประพฤติปฏิบัติโดยเฉพาะอย่างยิ่ง สถานการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบันก็คือ การทำให้การรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลที่อ่าวบ้านดอนเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่หวั่นเกรงต่อผู้มีอิทธิพลใดๆทั้งสิ้น ด้วยจิตวิญญาณ ของความเป็นนักรบชาวเรือที่เราประพฤติปฏิบัติมาอย่างยาวนาน รักษาความถูกต้อง เหล่านี้ ทำให้เป็นที่ชื่นชมชื่นชอบของประชาชนโดยทั่วไป ขอจงยึดมั่นในความดีความงามนี้ไว้ ดุจเกลือรักษาความเค็ม ตราบใดที่น้ำทะเลยังคงความเค็ม พวกเราต้องรักษาความดีงามนี้ไว้เช่นเดียวกัน”พลเรือเอกลือชัยกล่าว
พลเรือเอกลือชัยกล่าวอีกว่า มีพื้นที่เดียวของ
กองทัพเรือ ที่เป็นพื้นที่ 2 ทะเล ทั้งทะเลน้ำเค็มและทะเลน้ำจืด วิถีชีวิตของแต่ละคนย่อมแตกต่างกันจากพื้นที่อื่นบ้าง ผู้ที่เข้าใจความเป็นทะเลน้ำเค็มกับทะเลน้ำจืด การวางตัวให้เหมาะสมก็เช่นเดียวกัน ประชาชนในพื้นที่ย่อมแตกต่างจากพื้นที่อื่นบ้าง แต่หลักการและเหตุผลเป็นเช่นเดียวกัน เพราะเขาคือพี่น้องประชาชนคนไทยเช่นเดียวกัน ความนึกคิดอาจแตกต่างกันบ้าง แต่เชื่อได้ว่าภายใต้การนำของผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 2 หากพวกเราหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวจะทำให้การปฏิบัติงานเป็นไปด้วยความราบรื่นทุกประการ
“โอกาสที่ผมมาเยี่ยมครั้งนี้อีกวาระหนึ่งที่สำคัญก็คือ เป็นไปตามแนวทางการรับราชการ ของทุกคนโดยปกติ ย่อมต้องมีวันอำลาเกษียณอายุราชการ โอกาสนี้จึงมาเยี่ยมอำลาพวกเรา ที่จะพ้นวาระ ในอีก 3 เดือนข้างหน้า บางคนอาจจะคิดว่าอำลาเร็วเกินไปหรือไม่ เราเป็นนักการทหาร จะต้องมีการเตรียมการให้พร้อมทุกสิ่ง รองรับการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา มีการประเมินสถานการณ์ล่วงหน้าอย่างดียิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานการณ์โลกปัจจุบัน พวกเราต้องเตรียมพร้อมรับสถานการณ์อยู่เสมอ โดยเฉพาะปัจจุบันภัยคุกคามรูปแบบใหม่ ไม่สามารถแก้ปัญหาโดยลำพังได้อีกต่อไป ต้องใช้ ทรัพยากรหลายภาคส่วน จึงจะดำเนินการให้ผ่านพ้นไปได้อย่างไรก็ดี ไม่ว่าเวลานี้ผมคงไม่ต้องสั่งอะไรเพียงแต่ให้ข้อคิดว่า ระยะเวลา 1 ปี 8 เดือนที่ผ่านมา ผมได้วางแนวทางอย่างชัดเจนไว้แล้ว หากทำได้ตามนโยบายตามแนวทางที่วางไว้ให้ก็เชื่อได้ว่าทัพเรือภาคที่ 2 จะฟันฝ่าอุปสรรคไปได้ด้วยดีบรรลุผลตามที่มุ่งหวังไว้ทุกประการขอเอาใจช่วยและขอขอบคุณ กำลังพลทุกนาย ที่ได้ให้ความร่วมมือร่วมแรงร่วมใจกันทำงานด้วยดี"
พลเรือลือชัยกล่าวย้ำ
การปฎิบัติหน้าที่ตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารเรือ พลเรือเอกลือชัย ได้มุ่งเน้นการพัฒนากองทัพเรือ ให้ขับเคลื่อนตามยุทธศาสตร์ วิสัยทัศน์และพันธกิจ ด้วยนโยบายที่มุ่งเน้นให้กองทัพเรือ เป็นหน่วยงานความมั่นคงทางทะเลที่มีบทบาทนำในภูมิภาค และเป็นเลิศในการบริหารจัดการ เพื่อไปสู่ขั้น ”รุกคืบหน้า สถาปนาความมั่นคง” (Moveing Forward to Ensure Sustainability : MFESF) โดยอยู่บนหลักคิดพื้นฐานที่ว่า “ที่มีอยู่ต้องรักษาให้อยู่ แล้วพัฒนาต่อไป” ซึ่งนับได้ว่าเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้กองทัพเรือไปถึงเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดำเนินการตามเจตนารมณ์ของ พลเรือเอกลือชัย ที่ว่า "ทหารเรือ ต้องเป็นกองทัพทหารของประชาชน หายใจ เชื่อมใจ และมีชะตาชีวิตร่วมกันกับประชาชน สู้เพื่อรับใช้ประชาชน ที่ใดมีศัตรู ที่ใดมีอันตราย ที่นั่นย่อมมีทหารของกองทัพเรือ ให้สมกับคุณค่าที่ส่งมอบให้กับสังคม เป็นกองทัพเรือ ที่ประชาชนเชื่อมั่น และภาคภูมิใจ”.