ร.ร.ข้างแฟลต ตร.ถูกคาร์บอมบ์เปิดเรียนแล้ว แต่ลูกหลาน ตร.ยังหยุด
หมวดหมู่ : นราธิวาส, ทั่วไป,
โฟสเมื่อ : 25 พ.ย. 2565, 12:00 น. อ่าน : 538นราธิวาส-โรงเรียนข้างแฟลตตำรวจที่ถูกคาร์บอมบ์เปิดเรียนแล้ว หลังปิดฉุกเฉิน 2 วัน แต่ลูกหลานตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุคาร์บอมบ์ยังหยุดเรียนยาว ส่วนหนึ่งต้องดูแลเครือญาติที่บาดเจ็บ และนักเรียนส่วนใหญ่ยังหวาดผวา
ผลกระทบจากเหตุคนร้ายวางระเบิดคาร์บอมบ์แฟลตที่พักข้าราชการตำรวจ สภ.เมืองนราธิวาส เมื่อวันที่ 22 พ.ย. 65 ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรานงานเมื่อวันที่ 25 พ.ย.2565 ว่า ล่าสุดโรงเรียนนราสิกขาลัย ซึ่งตั้งอยู่ตรงกันข้ามแฟลตที่พักข้าราชการตำรวจ หลังเกิดเหตุทางโรงเรียนได้การประกาศหยุดการเรียนการสอนแบบฉุกเฉิน เป็นเวลา 2 วันเนื่องจากวันเกิดเหตุได้มีชิ้นเศษซากชิ้นส่วนของอนุภาพระเบิด ได้กระเด็นไปตกสร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินของโรงเรียนบางส่วน อาทิ กระเบื้อง กระจก และเพดาน โดยทางโรงเรียนได้ประเมินความเสียหายของทรัพย์ ประมาณ200,000 บาท ซึ่งในวันเกิดเหตุเด็กนักเรียนส่วนใหญ่เกิดความหวาดกลัว บางคนถึงกับร้องไห้และวิ่งหนีเสียงระเบิดกันอย่างชุลมุน ขณะนี้ทางโรงเรียนได้ประกาศเปิดการเรียนการสอนเป็นวันแรก หลังจากที่ทางโรงเรียนได้ทำการเรียนการสอนแบบ On-line ทดแทนเป็นเวลา 2 วัน
วันนี้ทางโรงเรียนนราสิกขาลัย ถือว่าเป็นการเปิดเรียนอีกครั้งหลังจากเกิดเหตุระเบิด พบว่า นักเรียนร้อยละกว่า 80 มาเรียนหนังสือตามปกติ ส่วนอีกร้อยละกว่า 10 ส่วนหนึ่งเป็นลูกหลานของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ประสบเหตุ ยังคงไม่มาเรียน จากการตรวจสอบของทางโรงเรียน พบว่าบางส่วนมีผลกระทบทางจิตใจ และบางส่วนต้องรับหน้าที่ในการดูแลครอบครัวและเครือญาติที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว และในช่วงวันจันทร์ที่ 28 พ.ย. 65 ที่จะถึงนี้คาดว่านักเรียนจะเดินทางมาเรียนหนังสือทั้งหมด
นักเรียนโรงเรียนนราสิกขาลัย คนหนึ่งเปิดเผยว่าตอนเกิดเหตุตนอยู่ในห้องสมุด และได้ยินเสียงดังมากหน้าโรงเรียน ตนก็ไม่คิดว่าจะเป็นระเบิด และได้เดินออกมาเห็นควันที่ลอยขึ้นบริเวณแฟลตตำรวจ และสะเทือนขวัญมากหลังจากนั้นคุณครูและนักเรียนได้ช่วยเหลือกัน พาหลบหนีไปทางด้านหลังของอาคาร เด็กนักเรียนไม่มีใครได้รับบาดเจ็บแต่มีอาการตกใจ บางคนถึงกับร้องไห้
ด้านนายสัญญา สุขเพชร ผู้อำนวยการโรงเรียนนราสิกขาลัย กล่าวว่า ส่วนใหญ่แล้ววันนี้กลับมาสู่สภาวะปกติก็มีหวาดกลัวอยู่บ้าง แต่ได้คุณครูและเพื่อนๆที่คอยให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ทำให้เด็กเองมีกำลังใจมากขึ้น และสภาพจิตใจของเด็กนักเรียนในตอนนี้ทางโรงเรียน ได้ให้เด็กทุกคนทำแบบประเมินสภาพจิตใจ เพื่อที่จะวัดว่าเด็กคนไหน ที่ยังมีความบกพร่องทางด้านจิตใจอยู่ ก็จะรีบให้สหวิชาชีพเข้ามาดูแล.